แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นางใยอาว์ของโจทก์เล่าให้จำเลยฟังว่า โจทก์ (เป็นนางสาว) กับนายอนันต์ซึ่งเป็นญาติของโจทก์ รักใคร่กันทางชู้สาวนอนกอดจูบกันและได้เสียกัน ต่อมานางสงวนมาถามจำเลยว่านางใยมาเล่าอะไรให้จำเลยฟังจำเลยก็เล่าข้อความตามที่นางใยเล่าแก่จำเลยให้นางสงวนฟัง นางสงวนได้เอาข้อความนั้นไปเล่าให้โจทก์ฟังอีกชั้นหนึ่งเช่นนี้ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าว เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อจำเลยกล่าวออกไป แม้จะโดยถูกถามที่ก็ดี จำเลยควรต้องสำนึกในการกระทำและเล็งเห็นผลการกระทำของจำเลย ถือได้ว่าจำเลยจงใจกล่าวข้อความยืนยันข้อเท็จจริงโดยเจตนาใส่ความโจทก์
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยได้รับคำบอกเล่า ข้อความตามฟ้องของโจทก์จากนาง ใยอาว์ของโจทก์เล่าให้จำเลยฟังว่า โจทก์กับนายอนันต์ซึ่งเป็นญาติของโจทก์ รักใคร่กันทางชู้สาว นอนกอดจูบกันและได้เสียกันในทางกามารมณ์ ต่อมานางสงวนมาถามจำเลยว่านางใยมาเล่าอะไรให้จำเลยฟังบ้างจำเลยก็เล่าข้อความตามที่นางใยเล่าแก่จำเลยให้นางสงวนฟัง นางสงวนได้เอาข้อความนั้นไปเล่าให้โจทก์ฟังอีกชั้นหนึ่ง
โจทก์จึงฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาพูดหาเหตุร้ายให้โจทก์ เพราะจำเลยมิได้จงใจกล่าวยืนยันข้อเท็จจริง หากนางสงวนไปถามจำเลย ๆ จึงเล่าให้ฟังตามที่ได้ทราบมาจากนางใยเท่านั้น ไม่เป็นการใส่ความโจทก์ จำเลยยังไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อความที่จำเลยกล่าว ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง แม้จำเลยจะได้เล่าให้นางสงวนผู้ถามฟังก็ดีเพราะการเล่าย่อมอาจเห็นผลว่า นางสงวนจะเอาข้อความที่เล่านี้ไปแพร่งพรายและก็เป็นเรื่องจริงดังนั้น เห็นว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษากลับศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ ลดโทษกึ่งเพราะจำเลยรับ คงปรับ ๑๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวตามฟ้องของโจทก์นั้น เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์อย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว เมื่อจำเลยกล่าวออกไปแม้จะโดยถูกถามที่ก็ดี จำเลยควรต้องสำนักในการกระทำและเล็งเห็นผลการกระทำของจำเลยตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วถือได้ว่าจำเลยจงใจกล่าวข้อความยืนยันข้อเท็จจริงโดยเจตนาใส่ความโจทก์ พิพากษายืน