คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งฝ่ายผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกับฝ่ายผู้คัดค้านเท่ากับมิให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ชำระบัญชีโดยลำพังที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยขอให้ผู้คัดค้านมีอำนาจดำเนินคดีอื่นที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลต่อไป รวมทั้งมีอำนาจถอนเงินจากธนาคารมาเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เป็นการขอให้มีอำนาจเป็นผู้ชำระบัญชีตามลำพังต่อไปนั่นเองจึงเท่ากับเป็นการขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ หาใช่เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาไม่ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างอุทธรณ์ เท่ากับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั่นเอง และการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับของศาลใดย่อมเป็นอำนาจของศาลนั้นโดยเฉพาะจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาคำสั่งดังกล่าว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องทั้งหกยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการจดทะเบียนให้กรรมการผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้ชำระบัญชีของผู้คัดค้านที่ 1 และมีคำสั่งตั้งผู้ร้องที่ 1, ที่ 4 กับบุคคลภายนอกเป็นผู้ชำระบัญชี ผู้คัดค้านทั้งห้ายื่นคำคัดค้านว่าผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นกรรมการของผู้คัดค้านที่ 1 เหมาะสมที่จะเป็นผู้ชำระบัญชีขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องที่ 1 ที่ 4 และบุคคลภายนอกอีก 2 คน กับผู้คัดค้านที่ 2ถึงที่ 5 ร่วมกันเป็นผู้ชำระบัญชี
ผู้คัดค้านทั้งห้าอุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างพิจารณา โดยขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ ให้ผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นผู้ดำเนินคดีของบริษัทผู้คัดค้านที่ 1 ที่ค้างอยู่ในศาลต่อไปและให้มีอำนาจถอนเงินจากธนาคารเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านทั้งห้าฎีกาคำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2โดยขอให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ เท่ากับเป็นการยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ แม้จะมีคำขอให้ผู้คัดค้านมีอำนาจดำเนินคดีอื่นที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลต่อไปรวมทั้งมีอำนาจถอนเงินจากธนาคารมาเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ตามก็ล้วนแต่เป็นการขอให้ผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 5 มีอำนาจเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทตามลำพังต่อไปนั่นเองเท่ากับผู้คัดค้านทั้งห้าขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งอนุญาตให้ยังไม่ต้องถูกบังคับตามคำสั่งของศาลชั้นต้น จึงเป็นการขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 อย่างเดียว หาใช่เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 264 ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านทั้งห้าในระหว่างอุทธรณ์นั้นก็คือไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั่นเองการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับของศาลใดย่อมเป็นอำนาจของศาลนั้นโดยเฉพาะ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาคำสั่งดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้คัดค้านทั้งห้าจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของผู้คัดค้านทั้งห้า คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้ผู้คัดค้านทั้งห้า ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share