แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุจำเลยถือมีดอยู่ที่หน้าบ้านร้องตะโกนว่า วันนี้กูจะต้องฆ่าคนก่อนคดีนี้จำเลยเคยบุกรุกเข้าทำร้ายผู้เสียหายแล้วถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ และเมื่อจำเลยกลับไปบ้านได้พูดอาฆาตผู้เสียหายว่า ถ้าหมดระยะเวลาที่ศาลรอลงอาญาจำเลยจะมาฆ่าผู้เสียหาย นอกจากนี้พฤติการณ์ที่จำเลยตรงเข้าทำร้ายผู้เสียหายทันทีพร้อมกับพูดว่าวันนี้กูจะฆ่ามึงเมื่อผู้เสียหายจอดรถที่หน้าบ้านโดยไม่มีการพูดจาอะไรกัน แสดงให้เห็นถึงมูลเหตุและการตระเตรียมของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33,80, 91, 288, 289, 371 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบอาวุธมีดของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 288, 289, 371 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา91 ความผิดฐานพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันสมควรตามมาตรา 371 วางโทษปรับ 100 บาท ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 80, 289 ประกอบด้วยมาตรา 52 ให้วางโทษจำคุกตลอดชีวิต รวมลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 100 บาทจำเลยให้การรับสารภาพชั้นศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี ปรับ 50 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามมาตรา 29 ริบอาวุธมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 จำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ให้ยกคำขอของโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 เสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยได้พยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ โจทก์มีนางลัดดา พงษ์ปรีดาจิต ภรรยาของผู้เสียหายเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุพยานได้เห็นจำเลยถือมีดอยู่ที่หน้าบ้านร้องตะโกนว่าวันนี้กูจะต้องฆ่าคน พยานเข้าใจว่า จำเลยจะต้องทำร้ายผู้เสียหายเพราะก่อนคดีนี้ จำเลยเคยบุกรุกเข้าทำร้ายผู้เสียหายแล้วถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตามคดีอาญาดำที่ 5309/2529 เอกสารหมาย จ.3 เมื่อจำเลยกลับไปบ้านจำเลยได้พูดอาฆาตผู้เสียหายว่าถ้าหมดระยะเวลาที่ศาลรอลงอาญาจำเลยจะมาฆ่าผู้เสียหาย พยานได้ลงจากบ้านมารอผู้เสียหายอยู่หน้าบ้านเพื่อบอกให้ทราบ แต่เมื่อลงมาก็พบจำเลยตรงเข้าทำร้ายผู้เสียหายแล้ว นอกจากนี้พฤติการณ์ที่จำเลยตรงเข้าทำร้ายผู้เสียหายทันทีพร้อมกับพูดว่าวันนี้กูจะฆ่ามึงเมื่อผู้เสียหายจอดรถที่หน้าบ้านโดยไม่มีการพูดจาอะไรกัน แสดงให้เห็นถึงมูลเหตุและการตระเตรียมของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว จากคำเบิกความของนายดาบตำรวจชาติชาย มานะกิจและพลตำรวจเทียนชัย แก้วกล่ำ ว่าจำเลยมีอาการมึนเมานั้นก็ปรากฎจากคำเบิกความของพยานทั้งสองว่า จำเลยยังมีสติดีพูดจารู้เรื่องยังได้อ้างกับพยานทั้งสองขอพบทนายก่อนไม่ยอมลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้องย่อมรวมถึงรับในข้อไตร่ตรองไว้ก่อนด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.