คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยและออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด โดยให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นอีกรวมแล้วเกิน 20 ปีเมื่อปรากฏว่าการนับโทษต่อดังกล่าวขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ศาลชั้นต้นย่อมจะมีคำสั่งแก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่ เป็นให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยคดีอื่นดังกล่าวโดยรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นไม่เกิน 20 ปี ได้ไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องการบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นจะต้องออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้ถูกต้องตามกฎหมาย การนับโทษต่อจากโทษในคดีอื่นได้ไม่เกิน 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) นั้น ต้องปรากฏว่าคดีอื่นดังกล่าวเป็นการกระทำผิดในลักษณะที่เกี่ยวพันกันกับคดีนี้จนอาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม หลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 267, 268 และ 91 กับให้นับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นอีก 6 คดี
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่า เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้เรียงกระทงลงโทษ รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 20 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 10 ปี นับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ 7576/2532,8516/2532, 8839/2532, 279/2533, 6083/2531 ของศาลชั้นต้น สำหรับคำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำที่ 80/2533 ของศาลชั้นต้นให้ยก เพราะคดีดังกล่าวยังไม่พิพากษา ของกลางริบ
หลังจากคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขแดงแต่ละคดีที่โจทก์ขอมาในคำฟ้องนั้น เมื่อรวมโทษจำคุกของแต่ละคดีแล้วโทษจำคุกจะเกิน 20 ปี ทำให้จำเลยต้องรับโทษจำคุกสูงกว่าโทษจำคุกที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) ห้ามไว้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนหมายจำคุกเดิมแล้วออกหมายจำคุกให้จำเลยใหม่ โดยมิให้นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอื่นเกิน20 ปี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยต้องได้สิทธิตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(2) จึงให้เพิกถอนคำสั่งเดิม มีคำสั่งใหม่ให้แก้ไขหมายเดิมโดยออกหมายใหม่ระบุว่า เมื่อนับโทษต่อแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นมิให้เกิน 20 ปี
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย และออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดโดยให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยทั้ง 5 คดีดังกล่าว รวมแล้วเกิน 20 ปี จนคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม หากปรากฏว่าการนับโทษต่อดังกล่าวขัดต่อบทบัญญัติ มาตรา 91(2)แห่งประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นก็ย่อมจะมีคำสั่งแก้ไขหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่ เป็นให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยทั้ง 5 คดีดังกล่าวแล้ว โดยรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นไม่เกิน 20 ปี ได้ ไม่เป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องการบังคับคดี ที่ศาลชั้นต้นจะต้องออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้ถูกต้องตามกฎหมาย
การนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นได้ไม่เกิน 20 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) นั้น ต้องปรากฏว่าคดีอื่นดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดในลักษณะที่เกี่ยวพันกันกับคดีนี้จนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ เมื่อปรากฏว่าคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อนั้น ผู้เสียหายทั้ง 5 คดี ดังกล่าวไม่ใช่บุคคลเดียวกันกับผู้เสียหายในคดีนี้ พยานหลักฐานทั้ง 5 คดีดังกล่าว ก็ไม่ใช่พยานหลักฐานชุดเดียวกันกับคดีนี้ คดีทั้งห้าไม่เกี่ยวพันกันกับคดีนี้จนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ จึงนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยทั้ง 5 คดีดังกล่าว โดยรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นเกิน 20 ปี ได้ กรณีไม่ตกอยู่ในบังคับ มาตรา 91(2) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
พิพากษากลับ ให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 7576/2532, 8516/2532, 8839/2532,279/2533 และ 6083/2531 ของศาลชั้นต้น โดยรวมโทษจำคุกทั้งสิ้นเกิน20 ปี ได้

Share