คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับเอาบุหรี่อันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบเป็นการกระทำครั้งเดียวในเวลาเดียวกัน แม้ผู้นำเข้าอาจนำเข้าโดยเจตนาหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากร แต่มิได้นำเข้ามาเพื่อขายก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 หรือนำเข้ามาโดยถูกต้องแต่มีไว้เพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบก็เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบฯ เพราะเป็นความผิดที่ผิดแผกแตกต่างกันและเป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกันก็ตาม แต่จำเลยรับเอาไว้เพื่อขายอันเป็นความผิดทั้งสองข้อหาดังกล่าว จำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกัน คือหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่หลายกรรมต่างกันไม่ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ที่ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยนั้นหมายถึงค่าอากรตามกฎหมายภาษีศุลกากร หาได้หมายรวมถึงค่าภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรและภาษีเทศบาลตามพระราชบัญญัติรายได้เทศบาลไม่ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษปรับโดยรวมค่าภาษีทั้งสองประเภทดังกล่าวมาด้วยจึงไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับไว้ซึ่งบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าบุหรี่ซิกาแรตดังกล่าวเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม และข้อจำกัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายกับจำเลยได้มีบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา27 ทวิ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ.2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 4,24, 44, 50 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลางทั้งหมด กับจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติยาสูบพ.ศ. 2509 มาตรา 50 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกระทงความผิดฐานนำบุหรี่ซิกาแรตเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียอากร ปรับ187,876.08 บาท ฐานจำหน่ายบุหรี่ซิกาแรตที่มิได้ปิดแสตมป์ (ที่ถูกเป็นฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งบุหรี่ซิกาแรตที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ)ปรับ 475,200 บาท รวมปรับ 663,076.08 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78กึ่งหนึ่ง คงปรับ 331,538.04 บาท หากไม่ชำระค่าปรับ ให้กักขังแทนมีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง จ่ายสินบนแก่ผู้นำจับและจ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยในข้อหาตามพระราชบัญญัติ ศุลกากร พ.ศ. 2469 ซึ่งเป็นบทหนักเพียงสถานเดียวเป็นเงิน 187,876.08 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 93,938.04 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้รับไว้ซึ่งบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศยี่ห้อวินสตันจำนวน 1,480 ซอง น้ำหนัก28.120 กิโลกรัม ราคา 29,314.84 บาท ซึ่งต้องเสียอากรขาเข้าเป็นเงิน 8,794.45 บาท ค่าภาษีการค้า 685.96 บาท ภาษีเทศบาล68.59 บาท และยี่ห้อมาร์โบโร จำนวน 440 ซอง น้ำหนัก 8.360กิโลกรัม ราคา 6,113.71 บาท ซึ่งต้องเสียอากรขาเข้าเป็นเงิน1,834.11 บาท ภาษีการค้า 143.06 บาท ภาษีเทศบาล 14.30 บาท รวมราคาของและค่าภาษีอากรทั้งสิ้นเป็นเงิน 46,969.02 บาท โดยจำเลยรู้ว่าบุหรี่ซิกาแรตดังกล่าวเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และจำเลยมีบุหรี่ดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จะเห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการรับเอาบุหรี่ดังกล่าวอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เป็นการกระทำครั้งเดียวในเวลาเดียวกัน แม้ผู้นำเข้าอาจนำเข้าโดยเจตนาหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากร แต่มิได้นำเข้ามาเพื่อขายก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 หรือหากนำเข้ามาโดยถูกต้อง แต่มีไว้เพื่อขายโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ก็เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบฯ เพราะเป็นความผิดที่ผิดแผกแตกต่างกันและเป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกันดังที่โจทก์กล่าวมาในฎีกาก็ตาม แต่คดีนี้เป็นการกล่าวหาว่าจำเลยรับเอาไว้เพื่อขายอันเป็นความผิดทั้งสองข้อหาดังกล่าว จำเลยมีเจตนาในผลอย่างเดียวกันคือหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีอากรตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่หลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฎีกาไม่ แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 187,876.08 บาท ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ทวิ อันเป็นบทหนักเป็นการปรับเป็นเงิน 4 เท่า โดยรวมค่าภาษีการค้าและภาษีเทศบาลเข้าไปด้วยซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะตามกฎหมายที่ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยนั้นหมายถึงค่าอากรตามกฎหมายภาษีศุลกากร หาได้หมายรวมถึงค่าภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรและภาษีเทศบาลตามพระราชบัญญัติรายได้เทศบาลไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษปรับโดยรวมค่าภาษีอีก2 ประเภทมาด้วยนั้นจึงไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับเป็นเงิน 184,228.44 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้วคงปรับ 92,114.22 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share