คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3878/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคืนเกิดเหตุ จำเลยจะกลับบ้านพบรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่โดยไม่ได้ล๊อกประตูและเสียบกุญแจคาไว้ จำเลยจึงขับออกไปโดยสำคัญผิดว่ารถยนต์คันนั้นเป็นของจำเลย เนื่องจากจำเลยเมาสุรามากยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาลักรถยนต์คันดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ในคืนเกิดเหตุจำเลยได้ลักเอารถยนต์ 1 คันราคา 100,000 บาท ของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลธำรงค์กิจไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) วรรคสอง ลงโทษจำคุก 4 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวไปตามที่โจทก์นำสืบปัญหาต่อไปว่าจำเลยมีเจตนาลักรถยนต์คันดังกล่าวหรือไม่โจทก์มีนายสุวัจเบิกความว่า คืนเกิดเหตุขณะอยู่ที่สถานีตำรวจจำเลยมีอาการเมาสุรามาก พูดจาอ้อแอ้ฟังไม่รู้เรื่องและได้กลิ่นสุราจากตัวจำเลย ร้อยตำรวจเอกพรชัยผู้จับกุมจำเลยเบิกความว่าขณะจับกุมเห็นจำเลยมีอาการมึนเมาสุราจึงพาจำเลยส่งโรงพยาบาลและร้อยตำรวจตรีวันชัยพนักงานสอบสวนเบิกความว่า คืนเกิดเหตุเห็นจำเลยมีอาการเมาสุรามาก จึงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมีอาการมึนเมาสุรามาก นอกจากนี้ร้อยตำรวจตรีวันชัยพนักงานสอบสวนเบิกความว่า ชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การไว้ ตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาในคืนเกิดเหตุจำเลยเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ในซอยลาดพร้าว 23พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ จำเลยเข้าใจว่าเป็นรถยนต์ของจำเลยจึงเปิดประตูรถเข้าไปและเห็นกุญแจจึงขับออกไป ต่อมามีคนวิ่งตามมาจำเลยรู้สึกขึ้นมาว่าไม่ใช่รถของจำเลยและได้หยุดรถเพื่อขอโทษเจ้าของรถแต่ได้ถูกทำร้ายเสียก่อน ประกอบกับได้ความจากนายสมชายพยานโจทก์ว่า ขณะที่จำเลยขับรถไป จำเลยขับไปช้า ๆ เมื่อถูกไล่ตามก็มิได้เร่งความเร็ว แต่ได้ขับไปจอดที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันจนถูกจับได้ อันเป็นการผิดวิสัยของคนร้ายโดยทั่วไป ส่วนจำเลยเบิกความว่า คืนเกิดเหตุจำเลยกับพวกไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่ร้านอาหารตั้งแต่เวลาเย็นจนถึงเวลาประมาณ 22 นาฬิกา จำเลยดื่มสุรามากเป็นพิเศษโดยไม่ได้รับประทานอาหาร นายชูศักดิ์ พยานจำเลยเบิกความว่า คืนเกิดเหตุจำเลยกับพยานและพวกรวม 5 คนได้ไปรับประทานอาหารและดื่มสุรากันที่ร้านอาหารเมื่อออกจากร้านจึงได้พาจำเลยไปส่งที่ซอยลาดพร้าว 23 จำเลยมีอาการมึนเมาสุรามาก เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ได้ความประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว น่าเชื่อว่าขณะเกิดเหตุจำเลยได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวตามฟ้องไปโดยสำคัญผิดว่ารถคันนั้นเป็นของจำเลย เนื่องจากจำเลยเมาสุรามาก ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาลักรถยนต์ตามฟ้อง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share