คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยจดทะเบียนยอมให้ที่ดินของจำเลยบางส่วน อยู่ในบังคับทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยให้ใช้เป็น ทางเข้าออก ต่อมาจำเลยติดตั้งป้ายโฆษณาใกล้บริเวณทางเข้าออกและปลูกต้นอโศก อินเดียตามแนวยาวของทางภารจำยอม ประมาณ 13 เมตร แต่ต้นอโศก อินเดียเป็นต้นไม้ที่ขึ้นสูงในแนวตรง มีกิ่งและใบลู่ ลงตามลำต้น แม้จะมีบางส่วนล้ำเข้ามาในทางภารจำยอม บ้างก็ไม่เป็นที่กีดขวางทางเข้าออกแต่อย่างใด ส่วนป้ายโฆษณาที่ จำเลยได้ติดตั้งขนานไปกับทางภารจำยอมนั้นก็อยู่ในแนว ใกล้เคียงกับป้ายโฆษณาของโจทก์ แต่อยู่ในระดับที่สูงกว่า ไม่กีดขวางรถยนต์ที่แล่นเข้าหรือออกจากทางภารจำยอม การติดตั้งป้ายโฆษณาและปลูกต้นอโศก อินเดียจึงไม่ทำให้ประโยชน์ในการใช้ทางภารจำยอมของโจทก์ลดลงหรือเสื่อมความสะดวกไป แม้รถยนต์ที่จอดอยู่ใต้ชายคาอาคารของจำเลยซึ่งอาจล้ำเข้ามา บนทางภารจำยอมบ้าง แต่รถยนต์ก็ยังสามารถแล่นเข้าออก สวนทางกันได้ และจำเลยยังจัดให้มียามรักษาการณ์เพื่อดูแล การจอดรถยนต์บนทางภารจำยอมมิให้กีดขวางหรือเป็นอุปสรรค ในการเข้าออกของรถยนต์ ซึ่งโจทก์ยังสามารถขับรถยนต์แล่น เข้าออกบนทางภารจำยอมได้ตามปกติ การกระทำของจำเลย จึงยังไม่ทำให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดหรือเสื่อมความสะดวก แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยจดทะเบียนยอมให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 6884 ของจำเลยบางส่วนอยู่ในบังคับภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 7207 ของโจทก์ โดยยอมให้ใช้เป็นทางเดินผ่านบางส่วน ต่อมาจำเลยและบริวารได้ติดตั้งป้ายโฆษณาใกล้ทางเข้าออกปลูกต้นไม้ตามแนวความยาวของทางภารจำยอม นำรถยนต์รถจักรยานยนต์และยานพาหนะจอดกีดขวางบนทางภารจำยอมเป็นประจำ เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนต้นไม้ป้ายโฆษณาและนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ยานพาหนะต่าง ๆ ที่กีดขวางอยู่บนทางภารจำยอมออกไปให้พ้นจากทางภารจำยอม พร้อมทั้งจัดทำทางภารจำยอมในบริเวณที่รื้อถอนให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยใช้ประโยชน์ได้ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการดังกล่าวเองโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย และห้ามมิให้จำเลยและบริวารกระทำการใด ๆ ที่เป็นการกีดขวางหรือก่อภาระเพิ่มขึ้นบนทางภารจำยอมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกอีกต่อไป
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า ป้ายโฆษณาและต้นไม้มิได้ติดตั้งและปลูกอยู่บนทางภารจำยอม จำเลยและบริวารนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดอยู่ในพื้นที่ของจำเลย การกระทำของจำเลยมิได้ทำให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินยอมให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 6884 แขวงคลองเตยเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ของจำเลยบางส่วนอยู่ในบังคับทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 7207 แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ โดยให้ใช้เป็นทางเดินผ่านบางส่วน ด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท 26กว้าง 6 เมตร ด้านหลังกว้าง 5.20 เมตร มีความยาวตลอดแนว 36.60 เมตร โจทก์ใช้ทางภารจำยอมดังกล่าวเป็นทางเดินและยานพาหนะแล่นผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์สู่ถนนสุขุมวิท 26 เรื่อยมา ต่อมาจำเลยได้ติดตั้งป้ายโฆษณาใกล้กับทางเข้าออก ปลูกต้นอโศกอินเดียตามแนวยาวของทางภารจำยอมเป็นแนวยาวประมาณ 13 เมตรและมีรถยนต์ของผู้ที่มาติดต่อธุรกิจกับจำเลยจอดบนทางภารจำยอมคดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียวว่า จำเลยกระทำการเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกหรือไม่การที่จำเลยได้ติดตั้งป้ายโฆษณาใกล้บริเวณทางเข้าออก และปลูกต้นอโศกอินเดียตามแนวความยาวของทางภารจำยอมยาวประมาณ 13 เมตร ตามภาพถ่ายหมาย จ.5 ถึง จ.7 นั้น เห็นว่าต้นอโศกอินเดียมีกิ่งและใบเข้ามาบนทางภารจำยอมบ้าง แต่ต้นอโศกอินเดียนี้เป็นต้นไม้ที่ขึ้นสูงในแนวตรงมีกิ่งและใบลู่ ลงตามลำต้น แม้จะมีบางส่วนล้ำเข้ามาในทางภารจำยอมบ้างก็ไม่เป็นที่กีดขวางทางเข้าออกแต่อย่างใด ส่วนป้ายโฆษณานั้นปรากฎว่าจำเลยได้ติดตั้งขนานกับทางภารจำยอม อีกทั้งอยู่ในแนวใกล้เคียงกับป้ายโฆษณาของโจทก์ แต่อยู่ในระดับที่สูงกว่า ไม่กีดขวางรถยนต์ที่แล่นเข้าหรือออกจากทางภารจำยอม การติดตั้งป้ายโฆษณาและปลูกต้นไม้ดังกล่าวจึงไม่เป็นการทำให้ประโยชน์ในการใช้ทางภารจำยอมของโจทก์ลดลงไปหรือเสื่อมความสะดวกดังที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยและบริวารนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์และยานพาหนะเข้ามาจอดกีดขวางบนทางภารจำยอม ทำให้รถเข้าออกได้ทีละคันนั้น เห็นว่า ตามภาพถ่ายหมาย จ.7 มีรถยนต์จอดอยู่ใต้ชายคาอาคารของจำเลยซึ่งอาจล้ำเข้ามาบนทางภารจำยอมบ้างแต่รถยนต์ก็ยังสามารถแล่นเข้าออกสวนทางกันได้ นอกจากนั้นยังปรากฏว่าจำเลยยังจัดให้มียามรักษาการณ์เพื่อดูแลการจอดรถยนต์บนทางภารจำยอมมิให้กีดขวางหรือเป็นอุปสรรคในการเข้าออกของรถยนต์ โจทก์สามารถขับรถยนต์แล่นเข้าออกบนทางภารจำยอมได้ตามปกติ และเมื่อพิจารณาถึงสิทธิของจำเลยที่จะใช้ทางภารจำยอมในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว การกระทำของจำเลยไม่ทำให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดหรือเสื่อมความสะดวกตามที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใดที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share