แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องของโจทก์ปรากฎว่า จำเลยมิได้มีเจตนามาตั้งแต่แรกที่จะจัดหางานและดำเนินการติดต่อหางานใด ๆ ดังที่จำเลยกล่าวชักชวน จำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่ต้นแล้วเมื่อได้รับเงินจากคนหางานแล้ว ก็จะนำเงินดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแสดงว่าจำเลยเพียงแต่อ้างเหตุที่จะจัดหางานเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินจากผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยตามที่กล่าวในฟ้องไม่เป็นความผิดในข้อหาจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตดังนี้ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา341, 343, 91, 83 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2511 มาตรา 4, 7, 27, 28
จำเลยให้การปฎิเสธ แต่รับว่าไม่เคยได้รับอนุญาตจัดหางาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ให้จำคุก 1 ปี ตามพระราชบัญญัติจัดหาแรงานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 27, 28 ให้จำคุก 1 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 15 วัน รวมจำคุก 1 ปี15 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยและสามีร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสี่โดยตรงด้วยข้อความอันเป็นเท็จเป็นเหตุให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายทั้งสี่ โดยมิได้หลอกลวงด้วยวิธีประกาศโฆษณาต่อบุคคลทั่วไป หรือได้แพร่กระจายไปยังประชาชนคนอื่นที่มิได้อยู่ ณ ที่นั้น จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 และการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 จำคุก1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่โจทก์ฎีกา ข้อหาฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ โดยได้เรียกและรับค่าบริการจากผู้เสียหายทั้งสี่ ทั้งจำเลยยังให้รับการสารภาพด้วยคดีจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดในข้อหานี้นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์ จำเลยมิได้มีเจตนามาตั้งแต่แรกที่จะจัดหางานและดำเนินการติดต่อหางานใด ๆ ดังที่จำเลยกล่าวชักชวน จำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเมื่อได้รับเงินจากคนหางานแล้ว ก็จะนำเงินดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย แสดงว่าจำเลยเพียงแต่อ้างเหตุที่จะจัดหางานเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินจากผู้เสียหายทั้งสี่เท่านั้น การกระทำของจำเลยตามที่กล่าวในฟ้องจึงไม่เป็นความผิดในข้อหาฐานนี้ แม้จำเลยจะให้รับการสารภาพ ศาลก็ลงโทษจำเลยในข้อหานี้ตามฟ้องโจทก์ไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่มิได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดข้อหานี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”