แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาซื้อขายข้าวสารระหว่างโจทก์กับจำเลย มิได้กำหนดให้จำเลยจัดหาข้าวสารเพื่อส่งมอบให้แก่โจทก์จากที่ใด การที่จำเลยทำสัญญาซื้อข้าวสารจากโรงสีชุมนุมสหกรณ์ที่จังหวัดนครนายก โจทก์ไม่ได้รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องด้วย เมื่อเกิดเพลิงไหม้โรงสีและข้าวเปลือกที่เตรียมไว้สีเป็นข้าวสารถูกเพลิงไหม้ไปด้วย จำเลยก็สามารถจัดหาข้าวสารจากที่อื่นส่งมอบให้แก่โจทก์ได้ จำเลยจะอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกันรวม ๔ ฉบับ จำเลยที่ ๑ จะต้องส่งมอบข้าวสารที่ตกลงซื้อขายแก่โจทก์ภายใน ๑๘ วันทำการ นับแต่วันที่โจทก์สั่งให้จำเลยที่ ๑ ส่งมอบ จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาค้ำประกันยอมผูกพันตนเป็นผู้ค้ำประกันความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวรวมเป็นเงิน ๔๘๖,๘๐๐ บาท ต่อมาโจทก์สั่งให้จำเลยที่ ๑ ส่งมอบข้าวสารตามสัญญา จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและแจ้งให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงินตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔๘๖,๘๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถส่งมอบข้าวสารเพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากได้เกิดเพลิงไหม้ข้าวสารที่เตรียมไว้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน ๔๘๖,๘๐๐ บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายข้าวสารไม่ได้ระบุหรือกำหนดว่าให้จำเลยที่ ๑ จัดหาข้าวสารเพื่อส่งมอบให้แก่โจทก์จากที่ใด เป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ จะพิจารณาหาซื้อข้าวสารจากที่ใดก็ได้ การที่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาซื้อข้าวสารจากโรงสีชุมนุมสหกรณ์จังหวัดนครนายก โจทก์ไม่ได้รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องด้วย เมื่อเกิดเพลิงไหม้โรงสี ข้าวเปลือกถูกเพลิงไหม้ด้วยก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ ๑ กับโรงสีไม่เกี่ยวกับโจทก์ จำเลยที่ ๑ จะยกเป็นข้ออ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยเพื่อปัดความรับผิดต่อโจทก์ด้วยไม่ได้ เพราะจำเลยที่ ๑ สามารถจัดหาข้าวสารจากที่อื่นส่งมอบให้แก่โจทก์ได้ การที่ข้าวสารมีราคาสูงขึ้นหรือต้องซื้อจากที่ห่างไกลไม่สะดวก ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เหล่านี้ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุไม่ต้องรับผิด เมื่อจำเลยที่ ๑ ส่งมอบข้าวสารให้แก่โจทก์ไม่ได้ จำเลยที่ ๑ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ ๒ ก็ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน