คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379-380/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่พยานโจทก์ปากแรกเบิกความไปเพียงครึ่งปากยังไม่หมดข้อซักถามของโจทก์โจทก์ก็ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุในฟ้องขึ้นอีกแห่งหนึ่งเพื่อให้ชัดเจนขึ้นซึ่งไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแล้วศาลย่อมอนุญาตให้แก้ได้
เมื่อสารวัตรใหญ่ผู้บังคับบัญชาจำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวและเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรงได้มอบหมายหน้าที่เฉพาะส่วนอันเกี่ยวกับเรื่องแสตมป์อากรตลอดจนฎีกาและบัญชีให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินงานจึงถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองสำนวนหาว่าจำเลยทุจริตต่อหน้าที่โดยเบิกรับแสตมป์อากรมาจำหน่ายและลงบัญชีต่ำกว่าจำนวนแท้จริงแล้วยักยอกเงินนั้นเสีย กับปลอมฎีกาเบิกแสตมป์อากร ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน แต่กลับให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้วและไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 131,230, 229 แก้ไขฯ รวมกระทงลงโทษ 10 ปี ลดตามมาตรา 59 คงจำคุกจำเลย6 ปี 8 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่าที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุอีกแห่งหนึ่งไม่ชอบ และเรื่องแสตมป์อากรเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนคนต่างด้าว จำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการนั้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าพยานปากแรกของโจทก์เบิกความตอบข้อถามของโจทก์เพียงครึ่งเดียว ยังไม่ทันหมดข้อซักถามของโจทก์โจทก์ก็ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมสถานที่เกิดเหตุเพิ่มตำบลราชบพิตรอำเภอพระนคร ขึ้นอีกแห่งหนึ่งเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้นมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีอย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้น (ที่อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมสถานที่เกิดเหตุ) ชอบแล้ว

เรื่องจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในเรื่องแสตมป์อากรทะเบียนคนต่างด้าว จริงอยู่สารวัตรใหญ่เป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวและเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรงในการนี้ แต่จำเลยก็รับราชการเป็นตำรวจอยู่ในที่นั้น และสารวัตรใหญ่ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายหน้าที่ราชการเฉพาะส่วนอันเกี่ยวกับเรื่องแสตมป์ ตลอดจนฎีกาและบัญชีคุมยอดแสตมป์ให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินงาน และหน้าที่ดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องอันเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของนายทะเบียนคนต่างด้าวกระทำด้วยตนเองโดยเฉพาะจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการนี้ จึงพิพากษายืน

Share