แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่งให้เห็นไปได้ว่า โจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ตรงข้ามกลับฟังได้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาล กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเมืองเชียงราย ได้รับมอบหมายจากนายกเทศมนตรีฯ ให้ตรวจงานทุกแผนกในการบริหารงานของเทศบาลเมืองเชียงราย และให้ดูแลในการจัดตลาดสดของเทศบาลด้วย จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ เป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเชียงรายจำเลยที่ ๖ เป็นราษฎร ได้สมคบกันทำคำร้องใส่ความกล่าวโทษโจทก์ว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต เกี่ยวกับการเก็บเงินจากพ่อค้าแม่ค้าที่นำของมาขายในตลาดสด เกี่ยวกับการเสนอให้นายกเทศมนตรีรีบเปิดตลาด ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนำเอาคำร้องนี้ป่าวประกาศโฆษณาและยังส่งข้อความบางคอนในคำร้องนี้ไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ลงให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา มาตรา ๘๓, ๑๓๖, ๓๒๖, ๓๒๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วทำการพิจารณาต่อมาแล้วพิพากษายกฟ้อง อ้างว่าฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยใส่ความและแพร่ข่าวและโฆษณาดังฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ลงโทษปรับจำเลย
โจทก์ฎีกาให้ลงโทษหนัก แต่จำเลยฎีกาให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า การฟ้องเป็นคดีอาญากล่าวหาขอให้ลงโทษ จำเลยฐานหมิ่นประมาทนั้น ข้อเท็จจริงต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และกรณีที่โจทก์ผู้เสียหายเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติต่อสาธารณ กล่าวคือ เป็นเจ้าพนักงานที่จะต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ การแสดงความคิดเห็นหรือข้อความเกี่ยวกับการมิชอบในการปฏิบัติงานของโจทก์โดยสุจริตนั้น ย่อมไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ และศาลฎีกาเห็นว่า ตามรายงานการประชุมของเทศบาลแห่งนี้ เมื่อ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๑ (เอกสาร ล.๑๔) นั้น ใช้เป็นพยานหลักฐานยันโจทก์ในโรงศาลได้ว่าโจทก์ได้รับ ข้อเท็จจริงในข้อสที่โจทก์เป็นผู้ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ จริง เมื่อเป็นดังนี้ ย่อมส่อให้คนทั้งหลายเห็นไปได้ว่า โจทก์เป็นผู้กระทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงได้ทำการร้องเรียนขึ้น พฤติกรรมของโจทก์มีทางให้คนธรรมดาคิดเห็นไปได้ว่า การปฏิบัติการในหน้าที่ของโจทก์เป็นไปโดยมิชอบ ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นใดในคดีนี้จะชี้ได้ว่าจำเลยได้เจตนาร้าย กลั่นแกล้งใส่ความโจทก์โดยไม่สุจริตอย่างไร
รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยได้แสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหานี้โดยสุจริต เพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับคนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลนั้น ตามคลองธรรมแล้ว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทั้งสิ้นพ้นข้อหาไป