คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์ร่วมที่ร้านของโจทก์ร่วมซึ่งตั้งอยู่ในเขตท้องที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้าจังหวัดฉะเชิงเทราและโจทก์ร่วมก็ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้าเพื่อให้ดำเนินคดีกับจำเลย แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่กรุงเทพมหานคร ก็ถือได้ว่าการกระทำผิดอาญาได้ทำลงในท้องที่อำเภอบางคล้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อเนื่องกับการกระทำผิดในท้องที่ธนาคารฏิเสธการจ่ายเงินพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ย่อมมีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(3)พนักงานอัยการจังหวัดฉะเชิงเทราจึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธ

นางพัชราภรณ์ เรืองรัตน์ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรามีอำนาจสอบสวนและโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันแล้วว่า จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้โจทก์ร่วมที่ร้านของโจทก์ร่วมซึ่งตั้งอยู่ในเขตท้องที่ของสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา และโจทก์ร่วมก็ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้าเพื่อให้ดำเนินคดีกับจำเลย ดังนั้น แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่กรุงเทพมหานคร ก็ถือได้ว่าการกระทำผิดอาญาได้ทำลงในท้องที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทราต่อเนื่องกับการกระทำผิดในท้องที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ย่อมมีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19(3) การสอบสวนคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมาย พนักงานอัยการจังหวัดฉะเชิงเทราจึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share