แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรโจทก์มิได้ถึงแก่ความตายเพราะจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนในขณะกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2แต่ถึงแก่ความตายเพราะเมื่อชนแล้วจำเลยที่ 1 โดยเจตนาฆ่าบุตรโจทก์เพื่อปกปิดความผิด ได้นำบุตรโจทก์ไปทิ้งในคูน้ำริมถนนเพื่อให้จมน้ำตายการกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นคนละเรื่องคนละตอนกับที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนบุตรโจทก์และเห็นได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะเจาะจงหาเกี่ยวกับการที่จำเลยที่ 2 ได้จ้างให้จำเลยที่ 1 กระทำไม่ การกระทำของจำเลยที่ 1 ในการฆ่าบุตรโจทก์จึงไม่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2โดยประมาทชนบุตรโจทก์ได้รับอันตรายสาหัส แล้วนำขึ้นรถยนต์ไปทิ้งในคูน้ำโดยมีเจตนาฆ่าเพื่อปกปิดความผิด บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จึงขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนคือค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประการโดยจำเลยที่ 2 ต่อสู้คดีด้วยว่า การที่จำเลยที่ 1 นำบุตรโจทก์ไปทิ้งน้ำเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายนั้น เป็นการนอกเหนือขอบเขตการจ้าง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลของการกระทำส่วนนี้ และค่าเสียหายที่เรียกร้องมาก็สูงเกินความจริงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 189,300 บาท ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย แม้จากผลแห่งการกระทำละเมิดตอนแรกของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย เช่น ค่ารักษาพยาบาลนายสมพงษ์ผู้บาดเจ็บ ค่าขาดรายได้ที่ต้องหยุดงาน แต่โจทก์ไม่ได้มุ่งประสงค์จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเหล่านี้ จึงคิดคำนวณให้ไม่ได้ เป็นเรื่องนอกฟ้องเกินคำขอ จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย
โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏในคำบรรยายฟ้องของโจทก์ทั้งสองว่าเพราะจำเลยที่ 1 ทำละเมิดเป็นเหตุให้นายสมพงษ์บุตรโจทก์ทั้งสองถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายโดยต้องใช้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าทำศพ และต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย จึงฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายและจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ เห็นได้ชัดว่าโจทก์ฟ้องมุ่งให้จำเลยรับผิดชอบต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากการตายของนายสมพงษ์แต่ประการเดียวเท่านั้นหาได้เรียกเอาค่าเสียหายเพราะเหตุประการอื่นไม่ เกี่ยวกับการตายของนายสมพงษ์นั้นปรากฏว่า นายสมพงษ์ไม่ได้ถึงแก่ความตายเพราะจำเลยที่ 1ขับรถยนต์อันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างชนเอา หากแต่ถึงแก่ความตายเพราะเมื่อชนแล้วจำเลยที่ 1 โดยเจตนาฆ่านายสมพงษ์เพื่อปกปิดความผิดและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาฐานขับรถยนต์ชนนายสมพงษ์โดยประมาทได้นำนายสมพงษ์ไปทิ้งหมกน้ำในคูริมถนนเพื่อให้จมน้ำตาย ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่นำนายสมพงษ์ไปฆ่าเป็นคนละเรื่องคนละตอนกับเหตุที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนนายสมพงษ์ และเห็นได้ว่าการที่จำเลยที่ 1 นำนายสมพงษ์ไปฆ่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษคือ เพื่อปกปิดและเพื่อให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำขึ้น หาเกี่ยวกับการที่จำเลยที่ 2 ได้จ้างให้จำเลยที่ 1 กระทำไม่ การกระทำของจำเลยที่ 1ในการฆ่านายสมพงษ์จึงไม่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงไม่มีหน้าที่ที่จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ทั้งสองเพราะการตายของนายสมพงษ์ตามที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกมา
พิพากษายืน