แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของทรัพย์ทำให้จำเลยหลงเข้าใจผิดคิดว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้แพ้คดี จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายและในกรณีเช่นนี้เพียงแต่คนอื่นแสดงหลักฐานว่าเป็นทรัพย์ของโจทก์ซึ่งไม่ทำให้ผู้นำยึดแลเจ้าพนักงานผู้ยึดเชื่อถือ ผู้นำยึดแลเจ้าพนักงานไม่ต้องรับผิด
ย่อยาว
รถยนต์รายพิพาทเป็นของโจทก์ ให้ ว.เช่าไป ว.ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ซ่อมรถยนต์คันนี้ โจทก์เป็นผู้เขียนฟ้องให้ ว.และกล่าวในฟ้องว่ารถคันนี้เป็นของ ว. ว.ชนะคดีแล้วยึดทรัพย์ผิดไปยึดทรัพย์ของ ก.เข้า ก.ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ระวางนั้น ก.ตาย ด.จำเลยรับมฤดกความ แล้วยึดรถยนต์คันนี้ เวลายึดคนของโจทก์แสดงหลักฐานต่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ยึดว่ารถเป็นของโจทก์ แต่จำเลยคงยึดมา โจทก์ได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์จนศาลสั่งถอนการยึดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหาย ๒๐๐๐ บาท จากจำเลยแลอ้างว่าที่โจทก์เขียนฟ้องว่ารถเป็นของ ว.เพราะ พ.ร.บ.รถยนต์มีว่าเจ้าของหมายถึงผู้เช่าด้วย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์แสดงเป็นลายลักษณอักษรให้จำเลยเข้าในว่ารถเป็นของ ว.การที่ผู้อื่นนำหลักฐานไปแสดงไม่พอให้จำเลยเชื่อแน่นอนว่าเป็นของโจทก์จริง การกระทำของโจทก์ทำให้เขาหลงไม่มีสิทธิได้ค่าเสียหาย ให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามฎีกาข้อ ๑ ที่ว่าเจ้าพนักงานผู้ยึดทำผิด พ.ร.บ.ความแพ่ง ม.๘๘ นั้น เห็นว่าฟังไม่ขึ้น เพราะไม่ใช่เรื่อที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานไม่เชื่อหลักฐานที่มีผู้นำมาแสดงเวลายึด ฎีกาข้อ ๒. ที่ว่าศาลต้องยกประมวลแพ่ง ฯ ม.๔๔๒ กับ ม.๒๒๓ ขึ้นปรับคดีนั้น ศาลอุทธรณ์ฟังว่าความผิดเกิดขึ้นเพราะโจทก์ ๆ ทำให้เขาหลงแม้ต้องปรับตามมาตรา ๔๔๒-๒๒๓ ก็ต้องวินิจฉัยว่าเป็นความผิดของโจทก์ยิ่งกว่าผู้อื่น โจทก์ไม่ควรได้รับค่าเสียหายจึงพิพากษายืน