คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3778/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อายุความมิใข่สภาพแห่งข้อหา โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้องว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด
จำเลยซื้อแหวนไปจาก ส. และค้างชำระราคา ส. ถึงแก่กรรมระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดอายุความสิทธิเรียกร้องตามมูลหนี้ดังกล่าว ทำให้อายุความขยายออกไปเป็น 1 ปี นับแต่วันที่ ส. ถึงแก่กรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 186 เมื่ออายุความก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลย และโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ฟ้องจำเลยโดยได้บรรยายฟ้องกับนำสืบให้เห็นได้ว่า ส. ถึงแก่กรรมในระหว่างคดียังไม่ขาดอายุความ ศาลจึงวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 186 ได้ โดยโจทก์ไม่จำต้องกล่าวอ้างบทบัญญัติมาตราดังกล่าวมาในคำฟ้องหรือการพิจารณาของศาลเพราะเป็นข้อกฎหมายที่ศาลรู้เอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางสมบัติ เพียรรู้จบจำเลยซื้อแหวนทับทิมล้อมเพชรจากนางสมบัติ ๑ วง ราคา ๖๐,๐๐๐ บาท แล้วออกเช็คชำระหนี้ไว้ แต่จำเลยขอผ่อนผันเรื่อยมาจนนางสมบัติถึงแก่กรรมขอให้จำเลยชำระเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่เคยซื้อแหวนจากนางสมบัติ โจทก์ฟ้องตามมูลหนี้เช็คเกิน ๑ ปี และตามมูลหนี้ซื้อขายเกิน ๒ ปี คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า นางสมบัติ เพียรรู้จบ ถึงแก่กรรมระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดอายุความทำให้อายุความขยายออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่นางสมบัติถึงแก่กรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๘๖ และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้เป็นคุณแก่โจทก์โดยอาศัยมาตราดังกล่าวนั้นเป็นการไม่ชอบ เพราะโจทก์มิได้กล่าวอ้างบทบัญญัติมาตราดังกล่าวมาในคำฟ้องหรือการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลฎีกาพิเคราะห์ข้อฎีกาดังกล่าวของจำเลยแล้วเห็นว่า อายุความมิใช่สภาพแห่งข้อหาโจทก์จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้องว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด ทั้งอายุความก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยในคดีนี้ โจทก์ได้บรรยายฟ้องและนำสืบให้เห็นได้ว่านางสมบัติถึงแก่กรรมในระหว่างที่คดียังไม่ขาดอายุความซึ่งเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่ศาลรู้เอง เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยคดีโดยไม่คำนึงถึงข้อกฎหมายนี้ให้เป็นโทษแก่โจทก์ โจทก์ย่อมอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นโดยอ้างข้อกฎหมายนี้ได้ ทั้งเมื่อโจทก์อุทธรณ์แล้วจำเลยก็มิได้คัดค้านในข้อนี้ในคำแก้อุทธรณ์แต่ประการใด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share