แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยตะโกนว่า พ่อมันมาแล้ว เอามันเลย แล้ว ส. ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้ตาย ดังนี้จำเลยต้องมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้นาย ส. ฆ่าผู้ตาย ตาม ป.อ. มาตรา 84 ประกอบด้วยมาตรา 288 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใช้แตกต่างจากฟ้อง จึงลงโทษในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดไม่ได้ แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 83, 60
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 86 จำคุก 10 ปี คำขออื่นยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยชกต่อยกับนายวัชราบุตรของนายเสน่ห์ นายเสน่ห์กับนางสาวสาธิตมาต่อว่านายสุข แล้วนายเสน่ห์ไปเอาขวานที่บ้านมา นายสุขใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายเสน่ห์1 นัด ยิงนางสมหมายที่วิ่งตามไป 1 นัด และยิงนายวัชรากับนายบังโกลนที่วิ่งตามไปอีก 1 นัด กระสุนปืนถูกนายเสน่ห์ นางสมหมายและนายบังโกลนถึงแก่ความตาย นายวัชราได้รับอันตรายแก่กายนายสมบัติ สุภาพ ที่นอนอยู่ในเรือประมงได้รับอันตรายแก่กายปรากฎตามรายงานการชันสูตรพลิกศพและผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยสนับสนุนให้นายสุขฆ่าผู้อื่น ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่โจทก์มีเด็กชายบดินทร์ อาบหิรัญ เป็นพยานเบิกความว่า นายเสน่ห์ถือขวานวิ่งไปทางบ้านนายสุข พยานและนางสมหมายวิ่งตามนายเสน่ห์ไปเพราะกลัวว่านายเสน่ห์มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายสุข ขณะนั้นนายสุขถืออาวุธปืนลูกซองยาว จำเลยยืนอยู่ซ้ายมือใกล้นายสุขเมื่อนายเสน่ห์วิ่งเข้าไปนายสุขยกอาวุธปืนเล็งมาทางนายเสน่ห์จำเลยตะโกนว่า พ่อมันมาแล้ว เอามันเลย แล้วนายสุขก็ยิงไปที่นายเสน่ห์ 1 นัด และจำเลยเดินเข้าบ้านไป นายเสน่ห์ล้มลงตะโกนว่ากูโดนยิงโว้ย พยานและนายสมหมายจะเข้าไปช่วยเหลือนายเสน่ห์นายสุขยิงมาที่พยานและนางสมหมายอีก 1 นัด นางสมหมายล้มลงถึงแก่ความตายทันที กระสุนปืนไม่ถูกพยานเพราะพยานอยู่หลังนางสมหมายขณะนั้นนายวัชรากับนายบังโกลนจะเข้าช่วยเหลือนางสมหมาย นายสุขยิงมาอีกนัดหนึ่ง กระสุนปืนถูกนายวัชราได้รับบาดเจ็บ นายบังโกลนถึงแก่ความตาย ตอนนายสุขยิงปืนพยานอยู่ห่างนายสุข 5-6 เมตรศาลฎีกาเห็นว่า แม้ขณะเกิดเหตุที่นายสุขยิงนายเสน่ห์จะมีเด็กชายบดินทร์คนเดียวที่เบิกความว่า จำเลยตะโกนว่าพ่อมันมาแล้วเอามันเลยแต่คำเบิกความของเด็กชายบดินทร์ก็มีเหตุผล กล่าวคือ เด็กชายบดินทร์วิ่งไปกับนายเสน่ห์และนางสมหมาย เด็กชายบดินทร์รู้จักนายสุขและจำเลยดีเข้าไปอยู่ในระยะห่างกันประมาณ 5 เมตร เด็กชายบดินทร์ย่อมจะเห็นเหตุการณ์และได้ยินจำเลยพูด ทั้งยังมีพระมหิสสโร(นายวัชรา) เบิกความสนับสนุนพยานปากนี้ว่า นายเสน่ห์และนางสมหมายวิ่งไปที่บ้านจำเลยมีเด็กชายบดินทร์วิ่งตามไปด้วย เมื่อเสียงปืนดัง2 นัดแล้ว พยานไปที่บ้านจำเลยเห็นนางสมหมายถูกยิงล้มอยู่บนสะพานหน้าบ้านจำเลย เด็กชายบดินทร์ไม่ถูกกระสุนปืนเพราะอยู่หลังนางสมหมาย นางสมหมายบังทางกระสุนปืนไว้ แสดงว่าเด็กชายบดินทร์อยู่ในที่เกิดเหตุจริง ไม่มีข้อน่าระแวงว่าจะสร้างพยานมาเบิกความปรักปรำจำเลยเชื่อได้ว่าเด็กชายบดินทร์เบิกความตามจริงและมีน้ำหนักรับฟังได้ พยานจำเลยไม่อาจฟังหักล้างพยานโจทก์ คดีฟังได้ว่าจำเลยตะโกนว่า พ่อมันมาแล้ว เอามันเลยและนายสุขก็ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายเสน่ห์ ดังนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้นายสุขฆ่าผู้ตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ประกอบด้วยมาตรา 288 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดแต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ แตกต่างจากฟ้องจึงลงโทษในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดไม่ได้ แต่การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ด้วยซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.