แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินพิพาทที่สร้างเป็นโรงรถ และที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำขณะที่จำเลยที่ 4 รับโอนมาถนนและสระว่ายน้ำเป็นภาระจำยอมที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายเป็นทรัพย์สิทธิติดไปกับตัวทรัพย์ และผูกพันแก่บุคคลที่เป็นเจ้าของภารย-ทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1387 เมื่อจำเลยที่ 4 รับโอนที่พิพาททั้งสองแปลงที่ติดภาระจำยอมอยู่ไปเช่นนี้ แม้ที่ดินที่เป็นถนนจะถูกแยกไป (ทำเป็นโรงรถ) ภาระ-จำยอมก็ยังคงมีอยู่ทุกส่วนที่แยกไป จำเลยที่ 4 ต้องรับภาระจำยอมที่แต่เดิมมีอยู่ไปด้วยทั้งต้องบำรุงรักษาให้คงสภาพตลอดไปตามมาตรา 1394 และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ข้อ 30 จำเลยที่ 4 จะอ้างว่ารับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตหาได้ไม่
ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงดังกล่าวอยู่ในโครงการจัดสรรที่ดินมีจำนวนตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นไป กรณีต้องตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286แล้ว แม้จะมีการโอนที่ดินส่วนหนึ่งของการจัดสรรให้จำเลยที่ 3 ในภายหลังและจำเลยที่ 3 ได้จัดการแบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อยอีก 8 แปลง (ไม่ถึง 10 แปลง)แล้วขายที่ดินพิพาทที่สร้างโรงรถกับโอนสระว่ายน้ำให้แก่จำเลยที่ 4 ในเวลาต่อมาก็หาทำให้ที่ดินพิพาทที่เป็นโรงรถและที่ตั้งสระว่ายน้ำไม่เป็นการจัดสรรที่ดินตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวไม่ ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงคงเป็นภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสอง