แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123กำหนดเหตุแห่งการเลิกจ้างไว้ 5 ประการ แต่มิได้หมายความว่า เมื่อมีเหตุจำเป็นนอกเหนือจากเหตุแห่งการเลิกจ้าง 5 ประการ ดังกล่าวแล้ว นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างไม่ได้ การเลิกจ้าง ที่จะไม่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมต้องพิจารณาถึง สาเหตุแห่งการเลิกจ้างเป็นประการสำคัญ จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นลูกจ้างโจทก์ ทำงานในแผนก ข้อมูลข่าวสารซึ่งมีลูกจ้างทั้งหมด 8 คน จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานหนังสือพิมพ์ บ. และเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง จำเลยที่ 11ถึงที่ 14 ถูกโจทก์เลิกจ้างเนื่องจากโจทก์ยุบแผนกที่จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 ทำงาน ขณะโจทก์ยุบแผนกดังกล่าว ผลประกอบการในแผนกขาดทุนแต่ผลประกอบการโดยรวมของโจทก์ ยังมีกำไร โจทก์ย้ายลูกจ้างคนหนึ่งในแผนกดังกล่าว ไปทำงานในแผนกอื่น แล้วโจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 กับพวก หลังจากนั้นโจทก์ได้รับลูกจ้างใหม่เข้ามาทำงาน อีก 7 คน และรับสมัครลูกจ้างเข้าทำงานทดแทนลูกจ้าง ที่ออกจากงานตลอดมา จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์มีเหตุจำเป็น อันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในการเลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 และเหตุที่เลิกจ้างไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 123 แห่ง พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ การที่โจทก์เลิกจ้าง จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ 72-75/2540 ที่วินิจฉัยว่าการที่โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 14 ให้การว่าการกระทำของโจทก์ที่เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นลูกจ้างโจทก์และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 ทำงานในแผนกข้อมูลข่าวสาร ซึ่งแผนกดังกล่าวมีลูกจ้างทั้งหมด 8 คนต่อมาประมาณเดือนเมษายน 2540 โจทก์ยุบแผนกข้อมูลข่าวสารเนื่องจากผลประกอบการในแผนกขาดทุน แต่ผลประกอบการโดยรวมของโจทก์ยังมีกำไรและเลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 กับพวกรวม 7 คน ในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับโดยโจทก์ย้ายนายบุญยิ่ง ไม่ทราบนามสกุล ลูกจ้างในแผนกดังกล่าวไปทำงานในแผนกบรรณาธิการหลังจากโจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11ถึงที่ 14 แม้โจทก์จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย เงินโบนัส เงินสะสมส่วนของนายจ้างให้แก่จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 แล้ว แต่โจทก์รับลูกจ้างใหม่เข้าทำงานรวม 7 คน และรับสมัครลูกจ้างเข้าทำงานทดแทนลูกจ้างที่ออกจากงานตลอดมาเช่นนี้มิใช่เป็นการแก้ไขปัญหาการขาดทุน หากยอมให้โจทก์กระทำการดังกล่าวก็จะเป็นช่องทางให้โจทก์เลิกจ้างลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับโดยตั้งแผนกใหม่ขึ้นหรือโยกย้าย สับเปลี่ยนลูกจ้างที่โจทก์ประสงค์จะเลิกจ้างไปอยู่ในแผนกที่ขาดทุนแล้วต่อมา ก็ยุบแผนกนั้น นอกจากนี้การที่โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123(1) ถึง (5) โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 ไม่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมนั้น เห็นว่า แม้พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 123 จะกำหนดเหตุแห่งการเลิกจ้างไว้เพียง 5 ประการ แต่ก็มิได้หมายความว่าเมื่อมีเหตุจำเป็นนอกเหนือจากเหตุแห่งการเลิกจ้าง 5 ประการดังกล่าวแล้ว นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างไม่ได้ตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2525 ดังที่โจทก์อ้างก็ตาม กรณีเช่นนี้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างที่จะไม่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม จึงต้องพิจารณาถึงสาเหตุแห่งการเลิกจ้างเป็นประการสำคัญ คดีนี้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นลูกจ้างโจทก์โดยทำงานในแผนกข้อมูลข่าวสารซึ่งมีลูกจ้างทั้งหมด 8 คนจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง จำเลยที่ 11ถึงที่ 14 ถูกโจทก์เลิกจ้างเนื่องจากโจทก์ยุบแผนกที่จำเลยที่ 11ถึงที่ 14 ทำงาน แม้ขณะโจทก์ยุบแผนกดังกล่าวเนื่องจากผลประกอบการในแผนกขาดทุน แต่ผลประกอบการโดยรวมของโจทก์ยังมีกำไร นอกจากนี้โจทก์ย้ายลูกจ้างคนหนึ่งในแผนกดังกล่าวไปทำงานในแผนกอื่น แล้วโจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 กับพวก หลังจากนั้นโจทก์ได้รับลูกจ้างใหม่เข้าทำงานอีก 7 คน และยังได้รับสมัครลูกจ้างเข้าทำงานทดแทนลูกจ้างที่ออกจากงานตลอดมา เช่นนี้ กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในการเลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 การที่โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 เนื่องจากเหตุดังกล่าวก็ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 แต่อย่างใด ดังนั้น โจทก์เลิกจ้างจำเลยที่ 11 ถึงที่ 14 จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมคำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างนั้นข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน