คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นตัวแทนของคณะนายทหารประเทศเธอร์แลนด์นำเช็ค 4 ฉบับ ไปชำระหนี้ให้แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย3 ฉบับ และบริษัทท. อีก 1 ฉบับ ซึ่งตราบใดที่เช็คทั้งสี่ฉบับดังมิได้ส่งมอบให้แก่การสื่อสารฯ และบริษัทท.เช็คทั้งสี่ฉบับจึงยังไม่โอนไปยังการสื่อสารฯ และบริษัทท. คณะนายทหารดังกล่าวยังเป็นเจ้าของเช็คทั้งสี่ฉบับและเป็นผู้ได้รับความเสียหาย การที่จำเลยนำเอาเช็คสามฉบับที่ผู้เสียหายสั่งจ่ายให้แก่ การสื่อสารแห่งประเทศไทยไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยที่ จำเลยไม่มีสิทธิ แม้เช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวจะไม่มีการขีดฆ่า คำว่าผู้ถือออกก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากความรับผิด ฐานเอาไปเสียซึ่งเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้วางโทษจำคุกกระทงละ1 ปี 6 เดือน รวมสี่กระทงเป็นจำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยเอาไปเสียซึ่งเช็ครวม 4 ฉบับ ตามเอกสารหมาย จ.5 จ.7 ถึงจ.9โดยเช็คเอกสารหมายจ.5 จ.7 และจ.8 สั่งจ่ายให้แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทยหรือผู้ถือ ส่วนเช็คเอกสารหมาย จ.9สั่งจ่ายให้แก่บริษัททรานซินโด้ จำกัด หรือผู้ถือ เช็คทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว จำเลยได้เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไปแล้วตามเอกสารหมาย จ.15 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกมีว่า เช็คเอกสารหมาย จ.5 จ.7 ถึง จ.9ขณะเกิดเหตุเป็นของคณะนายทหารประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือโอนไปยังการสื่อสารแห่งประเทศไทยและบริษัททรานซินโด้ จำกัด แล้วเห็นว่า จำเลยเป็นตัวแทนของคณะนายทหารประเทศเนเธอร์แลนด์นำเช็คทั้ง 4 ฉบับ ไปชำระหนี้ให้แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทยให้รวม 3 ฉบับ และบริษัททรานซินโด้ จำกัด อีก 1 ฉบับ ตราบใดที่เช็คทั้ง 4 ฉบับยังมิได้ส่งมอบให้แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทยและบริษัททรานซินโด้ จำกัด เช็คทั้ง 4 ฉบับ จึงยังไม่โอนไปยังการสื่อสารแห่งประเทศไทยและบริษัททรานซินโด้ จำกัดและต่อมาคณะนายทหารดังกล่าวต้องดำเนินการเพื่อชำระหนี้ซ้ำอีกคณะนายทหารดังกล่าวจึงยังคงเป็นเจ้าของเช็คทั้ง 4 ฉบับ และเป็นผู้ได้รับความเสียหาย ในคดีนี้แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างมาในฎีกาของจำเลย ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปมีว่าเช็คทั้ง 4 ฉบับจำเลยเป็นผู้ครอบครองโดยชอบหรือไม่ เห็นว่าเช็คทั้ง 4 ฉบับ ระบุชื่อผู้รับเงินตามเช็คไว้แล้ว แม้จะไม่ได้ขีดฆ่าคำว่าผู้ถือออกก็ตาม แต่ผู้สั่งจ่ายก็ได้ระบุชื่อผู้รับเงินตามเช็คคือการสื่อสารแห่งประเทศไทยโดยตรงสำหรับเช็คเอกสารหมาย จ.5 จ.7 และ จ.8 ส่วนเช็คเอกสารหมาย จ.9ก็ระบุชื่อผู้รับเงินคือบริษัททรานซินโด้ จำกัด เช็คทั้ง 4 ฉบับผู้สั่งจ่ายมีเจตนาสั่งจ่ายโดยตรงถึงผู้รับเงินดังกล่าว ที่จำเลยอ้างว่าผู้เสียหายทั้งห้าตกลงให้จำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของจำเลยก่อนเพราะมีการจ่ายเงินส่วนอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย จำเลยมิได้นำสืบว่าเช็คแต่ละฉบับมีเงินส่วนอื่นใดบ้างที่สั่งจ่ายรวมอยู่ด้วยข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบเช็คเพื่อนำเข้าบัญชีของจำเลยหรือเบิกเงินสด แล้วจัดการแยกจ่ายเงินตามภาระหน้าที่เช็คทั้ง 4 ฉบับ จึงไม่อยู่ในครอบครองของจำเลย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายมีว่าเช็คเอกสารหมาย จ.5 จ.7 และ จ.8 คณะนายทหารประเทศเนเธอร์แลนด์จ่ายเพื่อชำระหนี้ค่าโทรศัพท์แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทยหรือไม่นั้น เห็นว่า แม้เช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวจะมิได้ขีดฆ่าคำว่าผู้ถือออก แต่ก็มีการระบุว่าจ่ายให้แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงฟังได้ว่าเช็คทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว ผู้สั่งจ่ายมีเจตนาจ่ายให้แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย และอีกประการหนึ่งจำเลยไม่มีสิทธิที่จะเอาเช็คทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวไว้เพื่อประโยชน์ของจำเลยการที่เช็คทั้ง 3 ฉบับ แม้จะไม่มีการขีดฆ่าคำว่าผู้ถือออกก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากความรับผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเช็คทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้นศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share