แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้ไม่มีสิทธิขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ทำการตรวจบำบัดโรคโดยได้ทำการฉีดยาและให้ น.กินยาโดยประมาท เป็นเหตุให้ น. ถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2526 จำเลยเป็นผู้ไม่มีสิทธิขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ได้กระทำโดยประมาทได้ทำการตรวจบำบัดโรคฉีดยาน้ำสีแดงซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นเลือดให้แก่นายน้อย 1 เข็ม ให้ดื่มยาสีเลือดอีก2 แก้ว กับฉีดยาซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นยาแก้แพ้อีก 1 เข็ม ภายหลังที่จำเลยให้น้ำยาดังกล่าวนางน้อยมีอาการใจสั่น หนาว ปวดศีรษะ จำเลยทราบดีว่าการกระทำดังกล่าวอาจเป็นเหตุให้นางน้อยถึงแก่ความตายได้ จำเลยควรงดเสีย แต่ก็หาได้งดไม่ โดยในวันที่ 4 เดือนเดียวกันจำเลยได้ฉีดยาดังกล่าวให้แก่นางน้อยซ้ำอีก เป็นเหตุให้นางน้อยถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาเพราะความประมาทของจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 มาตรา 4, 11, 21พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2504 มาตรา 3พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2509 มาตรา 6 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 38 พ.ศ. 2519 ข้อ 1 พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 4, 26, 43 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 33
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 มาตรา 4, 11, 21 พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ(ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2509 มาตรา 6 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 38พ.ศ. 2519 ข้อ 1 กระทงหนึ่ง จำคุกตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525มาตรา 4, 26, 43 กระทงหนึ่ง และจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291อีกกระทงหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คือผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 4, 26, 42บทหนึ่ง และผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 อีกบทหนึ่ง พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าความผิดทั้งสามฐานแตกต่างกันและความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมเกิดขึ้นทันที ส่วนความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเกิดภายหลังเป็นความผิดต่างกรรม พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ฐานความผิดที่จำเลยกระทำมีบทลงโทษแตกต่างกัน แต่ความผิดที่เกิดขึ้นตามฟ้อง เกิดขึ้นทันทีเมื่อจำเลยเริ่มให้การบำบัดโรคไม่ว่าฉีดยาหรือให้กินยา และผลของการตายก็เนื่องมาจากการกระทำดังกล่าวต่อเนื่องกัน โดยเจตนาประการเดียวที่จะให้การรักษาผู้ตายจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่ความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน