คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีเครื่องตวง เครื่องชั่ง ซึ่งไม่ถูกต้องตามความประสงค์ทุกประการของพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัดไว้ในความครอบครองตั้งแต่อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกตลอดมาจนกระทั่งถูกจับที่อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อเนื่อง และกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ดังกล่าว เมื่อจำเลยถูกจับในท้องที่อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย และเมื่อได้มีการสอบสวนโดยชอบแล้ว พนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัย จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดสุโขทัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22
แม้จำเลยมีเครื่องตวง เครื่องชั่ง ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองเพื่อใช้ในการพาณิชย์ ก็จะฟังว่าจำเลยมีเครื่องตวง เครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในทางการค้าไปทีเดียวไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเจตนาเอาเปรียบในทางการค้าเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ปรากฏ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบหรือนำสืบไม่ได้ย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหานี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๒๕ เวลากลางวัน จำเลยรับจ้างซื้อข้าวเปลือกนำไปมอบให้นายจ้างขายต่อเพื่อค้ากำไร มีเครื่องตวงของแห้งชนิดถังไม้ ๑ ถัง ขนาดพิกัดกำลัง ๒๐ ลิตร ซึ่งไม่มีหมายเลขประจำเครื่องเครื่องหมายส่วนตัวและเครื่องหมายรับรองของเจ้าพนักงาน และมีเครื่องชั่งชนิดที่ ๔ เต็มพิกัดกำลังเครื่อง ๕๐๐ กิโลกรัม ๑ เครื่อง โดยไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๔๖๖ คือ เครื่องตวงผิดปริมาตรทำให้ผู้ซื้อได้เปรียบผู้ขาย ๑,๘๐๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร เครื่องชั่งผิดน้ำหนักผู้ซื้อได้เปรียบผู้ขาย ๓ กิโลกรัมต่อน้ำหนัก ๑๐๐ กิโลกรัม เป็นการมีเครื่องตวงเครื่องชั่งไว้เพื่อเอาเปรียบผู้ขายในการค้า จำเลยได้ใช้เครื่องดังกล่าวประทับเครื่องหมายรับรองเป็นรูปขอบนอกของครุฑปลอมใช้ตวงข้าวเปลือกเพื่อให้ชาวนาหลงเชื่อว่าตราเครื่องหมายรับรองนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริง ทำให้ผู้ขายข้าวเปลือกเสียหายโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตราเครื่องหมายรับรองบนเครื่องตวงไม้นั้นเป็นตราปลอมและเป็นเอกสารราชการปลอมและจำเลยซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยใช้เครื่องตวงของแห้ง มิได้กระทำการซื้อโดยวิธีการชั่งตามมาตราชั่งวิธีเมตริกอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๒๑ ลงวันที่ ๓มีนาคม ๒๕๒๑ เหตุเกิดที่ตำบลใดไม่ปรากฏชัด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกและตำบลโตนด อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พุทธศักราช ๒๔๖๖ มาตรา ๔ ทวิ, ๓๑, ๓๒, ๓๕ ทวิพระราชบัญญัติตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๔๖๖ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๗มาตรา ๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๗๑ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๕ข้อ ๒, ๖ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘, ๒๖๕, ๒๗๐, ๙๑, ๓๒, ๓๓ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ริบถังไม้ เครื่องชั่งและข้าวเปลือกของกลาง ให้จำเลยชำระเงินสินบนผู้นำความแจ้งต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๔๖๖ มาตรา ๔ ทวิ, ๓๑ ให้จำคุก ๒ เดือน ปรับ ๒,๐๐๐ บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ภายในกำหนด๒ ปี ริบเครื่องตวง ของกลางนอกนั้นคืนจำเลย ข้อหานอกจากนี้ให้ยก ที่โจทก์ขอให้จ่ายสินบนนำจับให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะข้อหาความผิดฐานมีเครื่องชั่งเครื่องตวงไม่ถูกต้องไว้ในครอบครอง จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๐ ด้วย การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๐ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ คงจำคุก จำเลย ๒ เดือน (โดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ) เครื่องชั่งของกลางให้ริบนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยมีเครื่องตวง เครื่องชั่งของกลาง ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในการพาณิชย์
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยกระทำความผิดสำเร็จในเขตท้องที่จังหวัดพิษณุโลกโจทก์ไม่สามารถนำคดีมาฟ้องที่ศาลจังหวัดสุโขทัยนั้น พิเคราะห์แล้วปรากฏว่าจำเลยมีเครื่องตวง เครื่องชั่ง ซึ่งไม่ถูกต้องตามความประสงค์ทุกประการของพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัดไว้ในครอบครองตั้งแต่อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกตลอดมาจนกระทั่งถูกจับที่อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกกับอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เมื่อจำเลยถูกจับในท้องที่อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยและเมื่อได้มีการสอบสวนโดยชอบแล้ว พนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัยจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดสุโขทัย ซึ่งท้องที่อำเภอคีรีมาศอยู่ในเขตอำนาจได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๐ เป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบให้ปรากฏว่า จำเลยมีหรือใช้เครื่องตวงหรือเครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในการค้านั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังเป็นยุติแต่เพียงว่า จำเลยมีเครื่องตวงและเครื่องชั่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในการพาณิชย์เท่านั้นโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาเพื่อเอาเปรียบในทางการค้าแต่อย่างใดลำพังการมีเครื่องตวง เครื่องชั่ง ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในการพาณิชย์เพียงอย่างเดียวจะฟังว่าจำเลยมีเครื่องตวง เครื่องชั่งที่ผิดอัตราเพื่อเอาเปรียบในทางการค้าไปทีเดียวไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเจตนาเอาเปรียบในทางการค้าเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ปรากฏเมื่อโจทก์ไม่นำสืบหรือนำสืบไม่ได้ ย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหานี้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๐ ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share