คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ซึ่ง ตั้งอยู่ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และแนบสำเนาภาพถ่ายประทานบัตรรวมทั้งแผนที่ของประทานบัตรมาท้ายฟ้องด้วย แม้จะมิได้บรรยายถึงบริเวณที่ดินซึ่งจำเลยบุกรุก ว่าอยู่ตอนใดทิศไหน กว้างยาวเท่าไร และติดต่อกับอะไรบ้างก็ตาม แต่ก็ได้บรรยายว่าเรื่องที่จำเลยบุกรุกนี้โจทก์ ได้ไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่อำเภอ เจ้าหน้าที่ได้ไกล่เกลี่ยให้จำเลยออกไปพร้อมทั้งแนบสำเนาภาพถ่ายใบยอมความมาท้ายฟ้องด้วย ดังนั้น จำเลยย่อมจะทราบแล้วว่า บริเวณที่โจทก์ กล่าวหาว่าบุกรุกนั้นอยู่ตอนใด ทิศไหน กว้างยาวเท่าไรและติดต่อกับอะไรบ้าง คำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ประทานบัตรของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ประทานบัตรของโจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ และต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ปัญหาวินิจฉัยมีว่าฟ้องโจทก์เคลือบคุลมหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ซึ่งตั้งอยู่ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และได้แนบสำเนาภาพถ่ายประทานบัตรพร้อมทั้งแผนที่ของประทานบัตรมาท้ายฟ้องด้วย ส่วนที่ดินซึ่งโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ประทานบัตรของโจทก์เนื้อที่ประมาณ ๑๑ ไร่ แม้โจทก์มิได้บรรยายถึงบริเวณที่ดินซึ่งจำเลยบุกรุกว่าอยู่ตอนใด ทิศไหน กว้างยาวเท่าไร และติดต่อกับอะไรบ้างก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายว่าเรื่องที่จำเลยบุกรุกนี้ โจทก์ได้ไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่อำเภอเบตง เจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้จำเลยออกไปจากที่ประทานบัตรของโจทก์ พร้อมทั้งแนบสำเนาภาพถ่ายใบยอมความมาท้ายฟ้องด้วย ดังนั้นจำเลยย่อมจะทราบแล้วว่าบริเวณที่โจทก์กล่าวหาว่าบุกรุกนั้นอยู่ตอนไหน ทิศไหน กว้างยาวเท่าไร และติดต่อกับอะไรบ้าง ในคำให้การของจำเลยที่ปฏิเสธว่ามิได้บุกรุกก็อ้างเพียงว่า ยังมิได้มีการรังวัดสอบเขตว่าบริเวณที่ดิน ซึ่งจำเลยปลูกต้นผลไม้จะรุกล้ำเข้าไปในเขตประทานบัตรหรือไม่ แสดงว่าจำเลยทราบแล้วว่าบริเวณที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยบุกรุกนั้นอยู่ตรงไหน คำฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ แล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share