คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224-3225/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการรับโอนมรดกและการซื้อขายที่ดินตลอดจนมีหน้าที่เก็บเงินค่าธรรมเนียมแล้วรวบรวมส่งมอบให้เจ้าหน้าที่การเงินการที่จำเลยรับเงินค่าธรรมเนียมไว้แล้วไม่รวบรวมส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่การเงินตามหน้าที่ แต่กลับเบียดบังเอาไว้เป็นของตนจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 กรณีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 นี้เป็นบทบัญญัติที่เอาผิดแก่เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานที่เบียดบังเอาทรัพย์ที่ตนได้มา หรือถือเอาไว้เพื่อจัดการตามหน้าที่ มิใช่เอาผิดเฉพาะว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการหรือของรัฐเท่านั้น การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมโดยมีเจตนาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยฐานเบียดบังเงินค่าธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักที่สุด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยสองสำนวน ศาลสั่งรวมพิจารณา มีใจความฟ้องทำนองเดียวกันว่า จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ 1 สังกัดสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการสอบสวนจัดทำเรื่องมรดก ใบแทน จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินซึ่งต่อเนื่องกับการรับมรดก เสนอเจ้าพนักงานที่ดินลงนามและเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในกิจการงานดังกล่าว แล้วส่งมอบให้เจ้าหน้าที่การเงิน จำเลยได้รับคำขอและจดทะเบียนสิทธินิติกรรม การรับโอนมรดก จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการซื้อขายที่ดิน กรอกรายการในสารบัญหลังโฉนดโดยปลอมลายมือชื่อเจ้าพนักงานที่ดิน และเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนดังกล่าวมาเบียดบังเอาไว้เป็นของตนเอง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151, 157, 161, 264, 265, 266, 268, 83, 91 และให้จำเลยคืนเงินรวม 2,152 บาท แก่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ กรมที่ดินด้วย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า สำนวนแรกจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 264, 266 แต่การกระทำฐานเป็นเจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสารและฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 266 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 4 ปี สำนวนหลังจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266, 268 ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 4 ปีรวมจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยทั้งสองสำนวน 4 ปี คำขออื่นยก

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 และ 157 และขอให้จำเลยคืนเงินรวม 2,152 บาท แก่สำนักงานที่ดินบุรีรัมย์ กรมที่ดิน

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 อีกกระทงหนึ่ง วางโทษจำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี รวมเป็น 10 ปีจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก5 ปี และโทษความผิดฐานปลอมเอกสารอีก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 9 ปี ให้จำเลยคืนเงิน 2,152 บาท แก่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ กรมที่ดิน นอกจากที่ดินให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการรับโอนมรดกและการซื้อขายที่ดิน ตลอดจนมีหน้าที่เก็บเงินค่าธรรมเนียมแล้วส่งมอบให้เจ้าหน้าที่การเงิน การที่จำเลยรับเงินค่าธรรมเนียมไว้แล้วไม่ส่งมอบแก่เจ้าหน้าที่การเงินตามหน้าที่ แต่กลับเบียดบังเอาไว้เป็นของตนจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147กรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เป็นบทบัญญัติที่เอาผิดแก่เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานที่เบียดบังเอาทรัพย์ที่ตนได้มาหรือถือไว้เพื่อจัดการตามหน้าที่ ไม่ใช่เอาผิดเฉพาะว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการหรือของรัฐเท่านั้น

การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมก็โดยมีเจตนาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังยักยอกเงินค่าธรรมเนียมรายนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนัก

พิพากษาแก้เป็นว่า คดีสำนวนแรกจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 161, 264, 266 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 5 ปี สำนวนหลังจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 264, 266 และ 268 แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 อันเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 5 ปี รวมสองสำนวนจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share