คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3762/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 ห้ามล้อรถยนต์บรรทุกเป็นระยะทางถึง50 เมตร แล้วรถยนต์บรรทุกยังพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถยนต์ที่ผู้ตายขับสวนทางมา เป็นการแสดงแจ้งชัดอยู่ในตัวว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกด้วยความเร็วสูงและโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงถึงขนาดข้ามเกาะกลางถนนไปขวางอยู่ในช่องเดินรถของผู้อื่นที่ไม่อาจจะคาดหมายได้ว่าจำเลยที่ 1จะขับรถเข้ามาเช่นนั้น ดังนั้นเหตุที่เกิดจึงมิใช่เพราะความประมาทเลินเล่อของผู้ตาย หากแต่เป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 เพียงฝ่ายเดียว
จำเลยที่ 1 และที่ 3 เคยเป็นลูกจ้างของจำเลยทื่ 2จำเลยที่ 3 ใช้ชื่อจำเลยที่ 2 ในการประกอบการขนส่ง วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2สั่งให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุบรรทุกทรายไปส่งให้ลูกค้าที่กรุงเทพมหานคร และยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวเพื่อกิจการขนส่งและผลประโยชน์ทางการค้าของจำเลยที่ 2 หลังจากเกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 2 เป็นผู้เจรจาเรื่องค่าเสียหายกับโจทก์ นอกจากนั้น จำเลยที่ 2 มีชื่อเป็นผู้ประกอบการขนส่งโดยได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลซึ่งเป็นการขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของจำเลยที่ 2 เอง ดังนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะให้จำเลยที่ 3 เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไปก็เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ในรถเท่านั้นส่วนกิจการขนส่งจำเลยที่ 2 หาได้เลิกไปไม่ จำเลยที่ 2 ยังทำกิจการขนส่งร่วมกับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 จึงเป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อโจทก์

Share