คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์และได้รับเงินกู้ไปแล้วจำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อปลอม โจทก์จะต้องอ้างสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานในคดีเมื่อหนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาลมิได้ขีดฆ่าแสตมป์ จึงใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานที่จะรับฟังว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินกู้พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อปลอม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 176,250 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 150,000 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีประเด็นในชั้นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์ส่งศาลปิดอากรแสตมป์แล้วแต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่เพียงใด ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 แล้วจำเลยผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยและเงินต้นแก่โจทก์ โจทก์จึงนำเอกสารดังกล่าวมาเป็นหลักฐานในการฟ้องคดีนี้ พิเคราะห์แล้ว ประมวลรัษฎากรมาตรา 118 บัญญัติว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับคู่ฉบับ คู่ฉีกหรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว” และมาตรา 103 อธิบายว่า “ปิดแสตมป์บริบูรณ์” หมายความว่า (1) ในกรณีแสตมป์ปิดทับ คือการได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ทับกระดาษก่อนกระทำหรือในทันที่ที่ทำตราสารเป็นราคาไม่น้อยกว่าอากรที่ต้องเสียและได้ขีดฆ่าแสตมป์นั้นแล้วคดีนี้ปรากฏว่าสัญญากู้อันเป็นตราสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานตามเอกสารหมาย จ.1 ปิดอากรแสตมป์แล้วแต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์จึงถือว่าสัญญากู้ไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ปัญหานี้จำเลยยอมรับว่าได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้จริง ศาลไม่จำต้องอาศัยสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานต่อไปนั้นก็ปรากฏว่า จำเลยให้การปฏิเสธลายมือชื่อในสัญญากู้ว่าไม่ใช่ของจำเลยเท่ากับปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงแห่งเอกสาร และกล่าวอ้างว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์ ศาลต้องใช้สัญญากู้มาเป็นพยานหลักฐานในคดีเมื่อสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ที่โจทก์อ้างไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ อันเป็นผลให้คดีโจทก์ไม่มีหลักฐานที่จะรับฟังว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ดังฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share