คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3751/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยกถนนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์นั้นไม่จำต้องทำเป็นหนังสืออุทิศให้เสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ที่ทำถนนยกให้ ที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 มีทางเชื่อมต่อกับทางสาธารณะมาก่อนแล้วโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่75788 จึงชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินแปลงที่แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ได้เฉพาะบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกเท่านั้น แต่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งเป็นที่ดินแปลงอื่นไปสู่ทางสาธารณะหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่103551 ซึ่งถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมรอบทั้งสี่ด้านไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ หากจะออกจะต้องผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 51902ของจำเลย โจทก์มีความประสงค์ใช้ที่ดินปลูกสร้างบ้านพักอาศัยและสร้างโรงเก็บมะพร้าว จึงติดต่อขอซื้อและขอใช้ที่ดินของจำเลยแต่จำเลยปฏิเสธ ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางจำเป็นในที่ดินโฉนดเลขที่ 51902 กว้าง 5 เมตรยาวประมาณ 5 เมตร จากถนนซอยทางสาธารณะจนถึงที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติ ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิใช้ที่ดินของจำเลยออกสู่ทางสาธารณะเนื่องจากที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 ด้านทิศเหนือมีทางออกสู่สาธารณะได้ ต่อมาที่ดินดังกล่าวถูกแบ่งแยกออกเป็น 9 แปลงเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ซึ่งแบ่งแยกมาจากที่ดินดังกล่าวถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมจนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์ชอบใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินเฉพาะที่ดินโดยปล่อยให้ที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเปิดทางจำเป็นในที่ดินโฉนดเลขที่51902 ตามแผนที่พิพาทเอกสารท้ายคำฟ้องมีความกว้าง 2.50 เมตรและยาว 2.50 เมตร จากถนนซอยทางสาธารณะจนถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 103551 ของโจทก์หากจำเลยไม่ยอมเปิดทางจำเป็นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะเรียกค่าทดแทนจากโจทก์เป็นอีกคดีต่างหาก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเดิมที่ดินโฉนดเลขที่103551 เนื้อที่ 100 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์ เป็นที่ดินแปลงหนึ่งที่แยกออกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมได้แบ่งแยกออกเป็น 9 แปลง ที่ดินของโจทก์ดังกล่าวได้รับยกให้จากนางทองปอน เข็มราช มารดาโจทก์เมื่อปี 2536 ด้านทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์อยู่ติดกับทีดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 51902 เนื้อที่ 47 ตารางวา ซึ่งด้านทิศใต้ของที่ดินจำเลยอยู่ติดทางสาธารณะที่เรียกว่าซอยชินเขต 13ภายหลังมีการแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 ออกเป็น 9 แปลงทำให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินบนที่ดินของจำเลยเป็นทางจำเป็นสำหรับโจทก์ผ่านไปสู่ทางสาธารณะหรือไม่ เห็นควรวินิจฉัยเสียก่อนว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 ก่อนแบ่งแยกเป็น 9 แปลง มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การยกถนนให้เป็นทางสาธารณประโยชน์นั้นไม่จำต้องทำเป็นหนังสืออุทิศให้เสมอไปแต่ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ที่ทำถนนยกให้มากกว่า เมื่อพิเคราะห์พยานเอกสารที่โจทก์และจำเลยอ้างส่งศาล และได้ความว่าภายหลังจากมีประกาศของคณะปฏิบัติฉบับที่ 286 บังคับใช้เมื่อปี 2515 ซึ่งกำหนดให้ผู้ที่ทำการจัดสรรที่ดินจะต้องจัดให้มีถนนสาธารณประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร ประกอบกับคำเบิกความของจำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทชินเขต จำกัด ที่ว่าที่ดินส่วนที่เป็นถนนของโครงการทั้งหมดไม่เคยปิดกั้นและต่อมาพันโทธีรฉัตรบุตรพันเอกเฉลิมในฐานะผู้จัดการมรดกก็ได้ทำหนังสืออุทิศที่ดินอันเป็นซอยชินเขต 14 ให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ แสดงว่าที่ดินอันเป็นซอยชินเขต 14 ได้ยกให้เป็นถนนโดยยอมให้ประชาชนทั่วไปสัญจรไปมาเป็นเวลาช้านานหลายสิบปีแล้วถือได้ว่าเจ้าของเดิมได้อุทิศถนนซอยชินเขต 14 ส่วนที่ใช้สัญจรให้เป็นทางสาธารณะแล้ว แม้ได้ความว่าเพิ่งทำหนังสือยกให้เป็นทางสาธารณะเมื่อปี 2529 ก็ต้องถือว่าตกเป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้วนับแต่มีการจัดสรรที่ดินเมื่อปี2510 ก่อนที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 จะทำการแบ่งแยกออกเป็น9 แปลง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 มีทางเชื่อมต่อกับซอยชินเขต 14 ซึ่งเป็นทางสาธารณะมาก่อนแล้วโจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินแปลงที่แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 75788 ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งเป็นที่ดินแปลงอื่นไปสู่ทางสาธารณะหาได้ไม่
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share