แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การคำนวณค่าภาษีโรงเรือนโดยอาศัยคิดเทียบกับห้องที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเป็นปัญหาว่าจะเป็นการสมควรเพียงไรนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คำตัดสินของอธิบดีสรรพากรเป็นเด็ดขาดนำคดีสู่ศาลไม่ได้ในเรื่องทรัพย์สินวางหรือชำรุดซึ่งเจ้าของขอลดหรือปลดค่าภาษี แต่ในเรื่องตั้งเกณฑ์ประเมินค่ารายปี เจ้าของย่อมนำคดีสู่ศาลได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวตำบลบ้านแขกตึกขาว ตึกแถวของโจทก์ห้องที่ ๗๗๑-๗๗๓-๗๗๔ โจทก์ให้คนอาศัยอยู่ฉะเพาะชั้นบน ห้องที่ ๗๗๒ มีคนเช่าค้าขายทั้งชั้นบนชั้นล่าง ค่าเช่าเดือนละ ๑๕ บาท ห้องที่ ๗๗๗ คนเช่าอยู่ฉะเพาะชั้นบนค่าเช่าเดือนละ ๗ บาท ๕๐ สตางค์
ในการประเมินค่าภาษีโรงร้านพ.ศ.๒๔๗๖ เจ้าพนักงานถือหลักคำนวณเงินภาษีสำหรับห้องที่ ๗๗๑ โดยคิดเทียบเหมือนว่ามีค่าเช่าเดือนละ ๑๕ บาท หรือปีละ ๑๘๐ บาทอย่างเดียวกับห้องเลขที่ ๗๗๒ และห้องที่ ๗๗๓-๗๗๔ เจ้าพนักงานคิดเหมือนหนึ่งมีค่าเช่าห้องเดือนละ ๑๐ บาทหรือปีละ ๑๒๐ บาท
โจทก์เห็นว่าห้องที่ ๗๗๑-๗๗๓-๗๗๔ ควรคิดว่ามีค่าเช่าห้องเพียงเดือนละ ๗ บาท ๕๐ สตางค์ หรือปีละ ๙๐ บาท อย่างเดียวห้องที่ ๗๗๗ เพราะผู้อาศัยอยู่แต่ห้องชั้นบนเท่านั้น โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าภาษีคืนเป็นเงิน ๑๘ บาท ๗๕ สตางค์
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลฎีกาเห็นว่าการคำนวณค่ารายปีของห้องที่ ๗๗๑-๗๗๓-๗๗๔ โดยอาศัยเทียบกับค่ารายปีของห้องที่ ๗๗๗ หรือห้องที่ ๗๗๒ นั้นก็ได้ชื่อว่าอาศัยความใน ม.๘ พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนแลที่ดิน พ.ศ.๒๔๗๕ มาตราเดียวกัน ทั้งมิได้ต่างความเห็นกันในการแปลความในมาตรานั้น จึงไม่ใช่ปัญหากฎหมาย แลปัญหาที่ว่าสมควรอย่างไรเห็นว่าต้องห้ามตาม ม.๔ แห่ง พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ พ.ศ.๒๔๖๑ เพราะเป็นข้อเท็จจริง
ส่วน ม.๔๑ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนแลที่ดินที่ว่าคำตัดสินของอธิบดีกรมสรรพากรเป็นคำตัดสินของอธิบดี กรมสรรพากรเป็นคำตัดสินเด็ดขาดนั้นเห้นว่ามาตรานี้กล่าวถึงเรื่องทรัพย์สินว่างหรือชำรุดจะต้องซ่อมแซม ซึ่งเจ้าของทรัพย์หรือผู้รับประเมินขอลดหรือปลภาษี ไม่ใช่ปัญหาในคดีเรื่องนี้ปัญหาในคดีเรื่องนี้เป็นเรื่องว่าสมควรจะตั้งเกณฑ์ประเมินค่ารายปีอย่างไร ซึ่งตามมาตรา ๓๑ ให้ผู้รับประเมินนำคดีขึ้นสู่ศาลได้แลศาลพิพากษาแก้คำชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากรได้ตามความใน ม.๓๒ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง