แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากรฯ มาตรา 27 ทวิ มีระวางโทษปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งรวมค่าอากร เข้าด้วยแล้ว กฎหมายมิได้กำหนดให้นำภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีตามกฎหมายอื่นมารวมคำนวณด้วย คดีนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่าเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมบาร์และโซ่ยนต์ของกลางที่จำเลยทั้งสามร่วมกันรับไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ผู้อื่นนำพาหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรมีราคา 7,000 บาท ค่าภาษีอากรขาเข้ากับภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเป็นเงิน 2,737 บาท เมื่อหักภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ของราคาของดังกล่าวจำนวน 490 บาท ออกแล้ว คงเป็นราคาของและอากรขาเข้า รวมเป็นเงิน 9,247 บาท โทษปรับสี่เท่าเป็นจำนวน 36,988 บาท ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาปรับจำเลยทั้งสาม ในความผิดดังกล่าวก่อนลดโทษรวมเป็นเงิน 38,948 บาท โดยนำภาษีมูลค่าเพิ่มมารวมคำนวณค่าปรับด้วยนั้นเกินกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
จำเลยทั้งสามถูกปรับรวมกันตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ เป็นเงิน 18,494 บาท หากจำเลย ไม่ชำระค่าปรับและจะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ ต้องกักขังจำเลยตามส่วนคนละเท่า ๆ กัน จึงกักขังจำเลยได้คนละ 30 วัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา ๓๒, ๓๓, ๕๘, ๘๐, ๘๓, ๙๑, ๓๓๕ พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗, ๒๗ ทวิ พ.ร.บ. ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙ ริบของกลางที่เหลือ จ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย และนำโทษจำคุกของจำเลยที่ ๑ ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๓๒๘/๒๕๔๔ ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ ๑ คดีนี้
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ ๑ รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
อนึ่งสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ทวิ นั้น มีระวางโทษปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วเท่านั้น มิได้กำหนดให้นำภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษี ตามกฎหมายอื่นมารวมคำนวณด้วย คดีนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันรับเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมบาร์และ โซ่ยนต์ของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ผู้อื่นลักลอบนำพาหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมบาร์และโซ่ยนต์ดังกล่าวราคา ๗,๐๐๐ บาท ค่าภาษีอากรขาเข้ากับภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเป็นเงิน ๒,๗๓๗ บาท ดังนั้น เมื่อหักภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๗ ของราคาเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมบาร์และโซ่ยนต์ จำนวน ๔๙๐ บาท ออกแล้ว คงเป็นราคาของและค่าอากรขาเข้ารวมเป็นเงิน ๙,๒๔๗ บาท คำนวณโทษปรับสี่เท่าเป็นเงิน ๓๖,๙๘๘ บาท ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาปรับจำเลยทั้งสามในความผิดดังกล่าวก่อนลดโทษรวมเป็นเงิน ๓๘,๙๔๘ บาท โดยนำภาษีมูลค่าเพิ่มมารวมคำนวณค่าปรับด้วยนั้นจึงเกินกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕ นอกจากนี้เมื่อจำเลยทั้งสามต้องถูกปรับรวมกันตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ทวิ ดังนั้น หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับและจะต้องถูกกักขัง แทนค่าปรับ ต้องกักขังจำเลยทั้งสามตามส่วนคนละเท่า ๆ กัน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา ๒๙, ๓๐ นั้นไม่ชัดเจน ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขโดยกำหนดให้ชัดแจ้ง
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรปรับจำเลยทั้งสามรวม ๓๖,๙๘๘ บาท ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยทั้งสามรวม ๑๘,๔๙๔ บาท หากจะกักขังจำเลยแทนค่าปรับเฉพาะในความผิดฐานนี้ให้กักขังจำเลยไว้คนละ ๓๐ วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๔ .