คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานย่อมมีสิทธิได้รับเงินทดแทนตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. 2537 และโจทก์เป็นผู้ประสบภัยจากรถจึงเป็นผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 บริษัท ศ. นายจ้างโจทก์จะมีสิทธิขอรับเงินทดแทนต่อจำเลยได้ก็แต่เฉพาะที่ได้ทดรองจ่ายเงินทดแทนไปก่อน แล้วไปขอรับคืนจากจำเลยตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 25 เท่านั้น และแม้บริษัท ศ. จะเป็นผู้เอาประกันภัยรถโดยสารคันที่โจทก์ทำงานและประสบอุบัติเหตุ แต่ก็มิใช่ผู้ประสบภัยจากรถ จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 การที่บริษัท ศ. จ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน และได้ขอรับคืนจากบริษัทผู้รับประกันภัยไปแล้ว เป็นการจ่ายแทนบริษัทผู้รับประกันภัยในฐานะผู้เอาประกันภัย มิใช่ทดรองจ่ายในฐานะนายจ้างตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 25 จึงไม่มีสิทธิมาขอรับเงินคืนจากจำเลยและไม่อาจสละสิทธิในเงินดังกล่าวได้ ทั้งการได้มาซึ่งสิทธิหรือประโยชน์ตามกฎหมายอื่นไม่ตัดสิทธิหรือประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้ตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. 2537 อีกตามมาตรา 7 โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. 2537

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน แล้วบังคับให้จำเลยชำระเงิน ๒๓,๑๘๕ บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลจำนวน ๒๓,๑๘๕ บาท จากจำเลยหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เป็นลูกจ้างบริษัท ศ. ทำงานในตำแหน่งพนักงานประจำรถโดยสาร บริษัท ศ. เป็นผู้มีหน้าที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเงินทดแทนตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ และเป็นผู้เอาประกันภัยรถโดยสารคันที่โจทก์ทำงานตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อมารถโดยสารคันที่โจทก์ทำงานเกิดอุบัติเหตุ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ต้องเข้ารับการรักษาตัวและเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเป็นเงิน ๒๖,๑๐๙ บาท ซึ่งบริษัท ศ. ได้แจ้งเหตุประสบภัยพร้อมกับขอรับเงินค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจากบริษัทผู้รับประกันภัยจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท และได้ทดรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลโจทก์จำนวน ๘,๑๘๕ บาท แล้วนำหลักฐานไปขอรับเงินดังกล่าวตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ และได้รับเงินจากบริษัทผู้รับประกันภัยจำนวน ๒๓,๑๘๕ บาท เรียบร้อยแล้ว ส่วนค่ารักษาพยาบาลที่เหลือจำนวน ๒,๙๒๔ บาท จำเลยได้จ่ายให้โจทก์แล้ว ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับเงินทดแทนค่ารักษาพยาบาลจำนวน ๒๓,๑๘๕ บาท แต่จำเลยปฏิเสธการจ่ายอ้างเหตุผลว่าเป็นสิทธิของบริษัท ศ. ซึ่งเป็นนายจ้าง และบริษัท ศ. ผู้เป็นนายจ้างได้สละสิทธิที่จะขอรับคืนจากจำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินทดแทนจำนวนนี้อีก เห็นว่า โจทก์เป็นลูกจ้างผู้ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน ย่อมเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินทดแทนตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ และในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ประสบภัยจากรถ จึงเป็นผู้รับประโยชน์ที่มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ส่วนบริษัท ศ. ซึ่งเป็นนายจ้างจะมีสิทธิขอรับเงินทดแทนต่อจำเลยได้ก็แต่เฉพาะที่ได้ทดรองจ่ายเงินทดแทนไปก่อน แล้วขอรับเงินทดแทนที่ได้ทดรองจ่ายไปนั้นคืนจากจำเลย ตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๕ เท่านั้น และแม้บริษัท ศ. จะเป็นผู้เอาประกันภัยรถโดยสารคันที่โจทก์ทำงานและประสบอุบัติเหตุ แต่บริษัทดังกล่าวก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ เพราะมิใช่ผู้ประสบภัยจากรถ การที่บริษัท ศ. จ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนแล้วมาขอรับเงินที่จ่ายไปคืนจากบริษัทผู้รับประกันภัยนั้น เป็นการทดรองจ่ายแทนบริษัทผู้รับประกันภัยในฐานะผู้เอาประกันภัย ไม่ใช่ทดรองจ่ายแทนจำเลยในฐานะนายจ้างตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๕ จึงไม่มีสิทธิมาขอรับเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย กับทั้งเมื่อบริษัทผู้รับประกันภัยได้จ่ายเงินคืนให้แก่บริษัท ศ. ไปแล้ว ย่อมทำให้สิทธิที่จะเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวของบริษัท ศ. ระงับสิ้นลงแล้ว ไม่อาจสละสิทธิในเงินจำนวนดังกล่าวนี้ได้ ประกอบกับ พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗ บัญญัติว่า การเรียกร้องหรือการได้มาซึ่งสิทธิหรือประโยชน์ตาม พ.ร.บ. นี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิหรือประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้ตามกฎหมายอื่น ดังนั้น แม้บริษัท ศ. จะทำหนังสือสละสิทธิไปยังจำเลยก็ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิที่โจทก์จะพึงได้รับในฐานะผู้ประสบอันตรายตาม พ.ร.บ. เงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ แต่ประการใด ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิขอรับเงินค่ารักษาพยาบาลจำนวนดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยที่ไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้โจทก์ และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนที่ ๑๗๑/๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ให้จำเลยจ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์จำนวน ๒๓,๑๘๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ.

Share