แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การร้องขอให้ศาลแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ยื่นคำร้องเมื่อผู้ยื่นคำร้องถึงแก่ความตายสิทธินั้นก็ย่อมระงับไปไม่ตกทอดไปยังทายาทจ. ซึ่งเป็นทายาทผู้ร้องไม่อาจเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้องได้จ. จึงเป็นบุคคลนอกคดีไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค1ที่สั่งยกคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนของจ.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางพรพันธ์แพทย์ประทุม ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางพุดทาหรือพุทธาใบลาดหรือใบราชหรือสมบัติทอง ต่อมาผู้คัดค้านขอให้เพิกถอนผู้ร้องออกจากเป็นผู้จัดการมรดกและแต่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนผู้ร้องออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนางพุดทาหรือพุทธาใบลาดหรือใบราชหรือสมบัติทอง ผู้ตายแทน ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ร้องอุทธรณ์
ระหว่างอุทธรณ์ผู้ร้องถึงแก่กรรม ร้อยตำรวจโทแจ่ม แพทย์ประทุม สามีผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า สิทธิในการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่ตกทอดไปยังทายาท ให้ยกคำร้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความ
ร้อยตำรวจโทแจ่ม แพทย์ประทุม ในฐานะทายาทของผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ร้อยตำรวจโทแจ่มฎีกาว่าตนมีสิทธิเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะเพราะเป็นทายาทผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 นั้น เห็นว่าการร้องขอให้ศาลแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก โดยสภาพย่อมเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ยื่นคำร้องต่อศาล และในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องยื่นคำร้องไว้แล้วต่อมาได้ถึงแก่ความตายลง สิทธินั้นก็ย่อมจะระงับสิ้นลงไปด้วย ไม่ตกทอดไปยังทายาท สำหรับคดีนี้ปรากฏว่าผู้ร้องถึงแก่ความตายในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ดังนั้นสิทธิของผู้ร้องในการยื่นคำร้องจึงเป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้ร้อง ร้อยตำรวจโทแจ่มจะมายื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนผู้ร้องผู้มรณะหาได้ไม่ คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยและเมื่อร้อยตำรวจโทแจ่มไม่อาจเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้ร้องได้เช่นนี้ ร้อยตำรวจโทแจ่มจึงเป็นบุคคลนอกคดีไม่อยู่ในฐานะที่จะฎีกาในคดีนี้ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของร้อยตำรวจโทแจ่ม แพทย์ประทุม