คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3716/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีเดิม ต้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 7(2),302 วรรคแรก จะนำมาฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดิน 3 แปลง จากจำเลย ต่อมาจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์และทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยจำเลยยอมให้โจทก์ผ่อนชำระราคาที่ดินเดือนละ 1,500 บาท นับแต่วันที่1 มกราคม 2531 เป็นต้นไป โจทก์ผ่อนชำระถึงเดือนธันวาคม 2531จำเลยบอกให้โจทก์งดผ่อนชำระชั่วคราว เพราะจำเลยถูกเจ้าหนี้ฟ้องและเจ้าหนี้ยึดทรัพย์สินของจำเลยรวมทั้งที่ดิน 3 แปลงดังกล่าวด้วย โจทก์ก็ปฏิบัติตาม และเคยสอบถามจำเลยหลายครั้งว่าจะให้ผ่อนชำระต่อเมื่อใด จำเลยบอกให้รอไปก่อน แต่แล้วจำเลยกลับขอให้ศาลบังคับคดีแก่โจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ไม่ยอมผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้บังคับจำเลยถอนคำขอบังคับคดีหมายเลขแดงที่ 979/2530 ของศาลชั้นต้น และยอมให้โจทก์ผ่อนชำระราคาที่ดินตามข้อตกลงเดิมต่อไป หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์รับว่าค้างชำระค่าเช่าซื้อที่ดินจำเลย 386,168 บาทและจะผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาท โดยจะชำระให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 80 เดือน แต่โจทก์ผ่อนชำระเพียง 6 เดือน เป็นเงิน9,000 บาท จำเลยไม่เคยบอกให้โจทก์งดผ่อนชำระชั่วคราวแต่จำเลยทวงถามให้โจทก์ชำระหลายครั้ง โจทก์ขอผัดผ่อน จำเลยจึงขอให้ศาลชั้นต้นบังคับคดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยถอนการบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 979/2530 ของศาลชั้นต้น หากไม่ถอนให้ถือเอาคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้ยอมให้โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวต่อไป ส่วนที่ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยหากจำเลยไม่ยอมรับชำระค่าเช่าซื้อนั้นเป็นคำขอที่ไม่อาจบังคับได้จึงให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 979/2530ของศาลชั้นต้น ข้อโต้แย้งของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวโจทก์ชอบที่จะต้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(2), 302 วรรคแรกโจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้ ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ให้การต่อสู้ไว้และมิได้ยกขึ้นมาในฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share