คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์แข่งกับรถจักรยานยนต์คันอื่นเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ของกลางจำเลยให้การรับสารภาพคดีฟังเป็นยุติได้ตามคำฟ้องคำให้การจำเลยว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33จำเลยจะฎีกาว่ารถจักรยานยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอีกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่31ตุลาคม2536เวลากลางคืนก่อนเที่ยงจำเลยแข่งรถจักรยานยนต์ในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานโดยจำเลยขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร3ฝ-6544แข่งกับรถจักรยานยนต์คันอื่นบนถนน รัชดาภิเษกมุ่งหน้าไปทางสะพาน พระราม9 ตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลางส่วนผู้ขับรถจักรยานยนต์คันอื่นได้หลบหนีไปเหตุเกิดที่แขวง บางโพงพางเขตยานนาวา กรุงเทพมหานครขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา134,160ทวิแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่4พ.ศ.2535มาตรา16,31ประมวลกฎหมายอาญามาตรา33เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ของจำเลยและริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา134,160ทวิแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่4พ.ศ.2535มาตรา16,31ประมวลกฎหมายอาญามาตรา33จำคุก1เดือนปรับ10,000บาทจำเลยให้การรับสารภาพไม่ลดโทษให้โทษจำคุกรอไว้1ปีไม่ชำระค่าปรับกักขังแทนริบรถจักรยานยนต์ของกลางและพักใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ของจำเลยมีกำหนด6เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”ที่จำเลยฎีกาว่ารถจักรยานยนต์ของกลางไม่อาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดเพราะความผิดมิใช่เกิดจากตัวทรัพย์ความผิดเกิดขึ้นจากการที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกศาลไม่อาจยกเหตุที่จะริบทรัพย์สินของกลางตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา32,33และ34เพราะของกลางคดีประเภทความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกนี้ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดนั้นเห็นว่าโจทก์ได้บรรยายคำฟ้องว่าจำเลยขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร3ฝ-6544แข่งกับรถจักรยานยนต์คันอื่นเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ของกลางจำเลยให้การรับสารภาพคดีฟังเป็นยุติได้ตามคำฟ้องคำให้การจำเลยว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำเลยจะฎีกาโต้แย้งว่ารถจักรยานยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดอีกไม่ได้เมื่อฟังว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดศาลย่อมมีอำนาจจะพิพากษาริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33ซึ่งบัญญัติให้อำนาจไว้ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share