แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยได้ทำผิดจนต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ 2 คดีนั้น จำเลยจะต้องรับโทษทั้ง 2 คดีติดต่อกัน เว้นแต่จะมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งให้นับโทษเป็นอย่างอื่น
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษนายยิดเซง แซ่ฉั่วจำเลยกับพวกฐานปล้นทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๑ และขอให้นับโทษต่อจากคดีดำที่ ๒๖๙๔/๒๔๘๙ และคดีดำที่ ๑๒๑/๒๔๙๐ ด้วย.
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนายยิดเซงตามฟ้อง ส่วนข้อนับโทษต่อ กล่าวว่า คดีดำที่ ๑๒๑/๒๔๙๐ ศาลยกฟ้องแล้ว จึงนับโทษต่อไม่ได้ ให้นับแต่วันต้องขัง แต่มิได้กล่าวถึงคดีดำที่ ๒๖๙๔/๒๔๘๙ เลย
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อขอให้นับโทษต่อ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้นับโทษต่อจากคดีดำที่ ๒๖๙๔/๒๔๘๙
นายยิดเซ็งจำเลยฎีกาขออย่าให้นับโทษต่อกัน
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายยิดเซ็งจำเลยได้ทำผิดจนต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ ๒ คดีนายยิดเซ็งจำเลยก็จะต้องรับโทษทั้ง ๒ คดีติดต่อกัน เว้นแต่จะมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งให้นับโทษเป็นอย่างอื่น ในคดีนี้นายยิดเซ็งมิได้แสดงให้เห็นว่า มีเหตุอันสมควรอย่างใดที่จะไม่ควรต้องรับโทษ ๒ คดีติดต่อกันไป จึงยกฎีกาจำเลยเสีย
คงพิพากษายืน