แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่คู่ความฝ่ายหนึ่งครอบครองที่พิพาทอยู่ระหว่างคดีนั้น คู่ความฝ่ายที่ครอบครองจะยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองดังกล่าวนี้มายันคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
โจทก์ประมูลซื้อที่ได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วถูกจำเลยฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตไปยึดที่จำเลยมาขาย ขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์สู้คดี แต่มิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยยังคงครอบครองที่นั้น ปล่อยจนคดีถึงที่สุด ซึ่งล่วงเลยมา 2-3 ปี จึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดศาลให้ค่าเสียหายเพียง 1 ปี นอกนั้นขาดอายุความศาลไม่บังคับให้
คดีเรื่องก่อนจำเลยฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าเป็นของโจทก์ ได้สู้คดีกัน ในที่สุดโจทก์ชนะคดีเมื่อชนะคดีแล้วโจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยเข้าครอบครองที่นั้นเช่นนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคนละประเด็น
ย่อยาว
กรณีนี้เดิมนางมี แพ้คดีโจทก์ตามสำนวนคดีแพ่ง แดงที่ ๑๙/๒๔๙๒ ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ โจทก์จึงยึดที่ ๓๔ ไร่เศษให้ศาลขายทอดตลาด แล้วโจทก์เองได้ซื้อไว้ ต่อมาบริษัทห้างหุ้นส่วนสามัญสยามกสิกรและนายเจียมจำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ว่าที่ ๆ โจทก์ซื้อเป็นของตน โจทก์ทราบเรื่องนี้แล้วยังไปยึดมาขาย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จึงขอให้เพิกถอนการขายตลาดนั้นแล้วแสดงว่าห้างหุ้นส่วนสยามกสิกรและนายเจียมเป็นเจ้าของ โจทก์สู้คดี ศาลจังหวัดสมุทรปราการตัดสินยกฟ้องตามคดีแพ่งแดงที่ ๓๔/๒๔๙๖ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และคดีถึงที่สุดแค่ศาลอุทธรณ์ โจทก์ชนะคดีแล้วจึงมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยได้ละเมิดเข้าทำนาในที่โจทก์ ซื้อจากการขายทอดตลาด ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๒ มาถึง พ.ศ.๒๔๙๗ ทำให้โจทก์ขาดเสียรายได้คิดเป็นข้าวปีละ ๑๓๖๐ ถัง คิดเป็นเงินรวม ๖๕๒๘๐ บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนนี้กับดอกเบี้ยอีกร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่ฟ้องไปจนชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่าได้ปกครองที่มา ๒๐ ปีเศษ ฟ้องโจทก์ขาดอายุ และฟ้องเคลือบคลุม และเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ ๓๔/๒๔๙๖ และโจทก์ไม่ได้รับค่าเสียหายดั่งฟ้อง
คู่ความรับกันว่า นายเจียมจำเลยได้ฟ้องโจทก์ ตามสำนวนคดีแดงที่ ๓๔/๒๔๙๖ และระหว่างคดีนั้นจำเลยได้ครอบครองทำนารายพิพาท การทำนาได้ข้าวเปลือกไร่ละ ๓๕ ถังต่อปี ราคาข้าวเปลือกถังละ ๘ บาท แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากาษาว่า คดีโจทก์ที่ฟ้องไม่เป็นการฟ้องซ้ำ และไม่เคลือบคลุม และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพียง ๑ ปี นอกนั้นขาดอายุความ
คู่ความอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
คู่ความฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
๑. ฟ้องของโจทก์ไม่ซ้ำ เพราะคดีเรื่องก่อนจำเลยฟ้องขอแสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าเป็นของโจทก์ ประเด็นจึงมีเพียงว่าที่พิพาทเป็นของใคร จึงเป็นคนละประเด็นกับคดีนี้ แม้โจทก์จะมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายในการละเมิด แต่ก็มิได้ฟ้องแย้งนั้น เป็นคนละสิทธิคนละส่วน โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
๒. จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาแต่ พ.ศ.๒๔๙๒ เกิน ๑ ปี โจทก์ขาดสิทธิ ในการครอบครอง ข้อนี้เห็นว่าการที่คู่ความฝ่ายหนึ่งครอบครองทรัพย์รายพิพาทในระหว่างคดีนั้น จะยกมายันแก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหาได้ไม่ ฉะนั้นจึงไม่ขาดอายุความ
๓. ค่าเสียหายฟ้องได้เพียง ๑ ปี นอกนั้นขาดอายุความตามประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๔๔๘