คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3707/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องทั้งสองเป็นบิดามารดาของผู้ตาย ส่วนผู้คัดค้านที่ 1เป็นบุตรของผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2 ผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสและได้ร้างกันในเวลาต่อมาโดยตาย กับผู้คัดค้านที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินร่วมกันจากนั้นผู้ตายถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับเงินรางวัลและผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง, ส.,ล., จ. และตั้งให้ผู้ร้องทั้งสองหรือคนใดคนหนึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ดังนี้ ผู้คัดค้านที่ 2 จึงไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินร่วมกันกับผู้ตาย ไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย จึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ ส่วนผู้คัดค้านที่ 1 นั้น แม้จะเป็นบุตรที่ผู้ตายได้รับรองแล้วมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายในฐานะทายาทโดยธรรม แต่เมื่อผู้คัดค้านที่ 1 ถูกผู้ตายตัดมิให้รับมรดกโดยพินัยกรรมประการหนึ่ง กับเมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกเสียทั้งหมดแล้วถือว่าผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมผู้ที่มิได้รับประโยชน์จากพินัยกรรมเป็นผู้ถูกตัดมิให้ได้รับมรดกอีกประการหนึ่ง ผู้คัดค้านที่ 1 จึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะมาร้องขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 2เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้เช่นกัน

ย่อยาว

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอว่า ผู้ตายเป็นบุตรของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ตายถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ ก่อนตายผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทและตั้งผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นบุตรของผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2 พินัยกรรมที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างเป็นพินัยกรรมที่ผู้ร้องทั้งสองทำปลอมขึ้น ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีอยู่เป็นทรัพย์สินที่ผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2 ทำมาหาได้ร่วมกัน ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งตั้งผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนายสมพร พิมวงษา ผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ยกคำคัดค้าน
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นบิดามารดาของนายสมพร พิมวงษา ผู้ตาย ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นบุตรของผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2 ผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2 อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2534 ผู้ตายถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับเงินรางวัล6,000,000 บาท วันที่ 5 พฤศจิกายน 2534 ผู้ตายทำพินัยกรรมยกเงินในบัญชีตามสมุดคู่ฝากเอกสารหมาย ร.4 ให้แก่ผู้ร้องทั้งสองเงินในบัญชีตามสมุดคู่ฝากเอกสารหมาย ร.5 ให้แก่นายสุนทร พิมวงษา และเด็กชายแหลมทอง พิมวงษา รถจักรยานยนต์ตามใบคู่มือจดทะเบียนเอกสารหมาย ร.6 กับทรัพย์สินอื่นที่เหลือให้แก่เด็กหญิงแจ่มพิมวงษา และตั้งให้ผู้ร้องทั้งสองหรือคนใดคนหนึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย รายละเอียดปรากฏตามหนังสือพินัยกรรมเอกสารหมาย ร.1มีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกจึงต้องตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายคดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองว่า มีเหตุสมควรตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2 ได้ร้างกันก่อนผู้ตายถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล และได้ความตามที่ผู้คัดค้านที่ 2 เบิกความตอบคำถามค้านของทนายผู้ร้องทั้งสองว่า ก่อนถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินอื่น ผู้คัดค้านที่ 2จึงไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินร่วมกันกับผู้ตาย ไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย และไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ ส่วนผู้คัดค้านที่ 1 นั้น แม้ผู้คัดค้านที่ 1 จะเป็นบุตรที่ผู้ตายได้รับรองแล้วมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายในฐานะทายาทโดยธรรม แต่ผู้คัดค้านที่ 1 ถูกผู้ตายตัดมิให้รับมรดกโดยพินัยกรรมประการหนึ่ง กับเมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกเสียทั้งหมดแล้ว ถือว่าผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมผู้ที่มิได้รับประโยชน์จากพินัยกรรมเป็นผู้ถูกตัดมิให้ได้รับมรดกอีกประการหนึ่ง ดังนี้ ผู้คัดค้านที่ 1 จึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะมาร้องขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ ที่ศาลล่างทั้งสองตั้งผู้ร้องที่ 1เป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่ตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share