คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ก่อสร้างถังน้ำใสคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่โจทก์ก่อสร้างถังน้ำโดยใช้เสาเข็มผิดขนาดจากที่ขออนุญาตและถังน้ำที่สร้างขึ้นก็ไม่แข็งแรงตามแบบ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งแม้ว่าตามปกติโจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้คืนค่าผลงานที่โจทก์ทำไปแล้วอันได้แก่การก่อสร้างถังน้ำโดยใช้เสาเข็มผิดขนาดนั้นจากจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคสาม ก็ตาม แต่ตามสัญญาข้อ 21 ระบุว่า เมื่อผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาแล้วบรรดางานที่ผู้รับจ้างได้ทำขึ้นและสิ่งของต่าง ๆ ที่นำมาไว้ ณ สถานที่ทำงานจ้างนั้นโดยเฉพาะเพื่องานจ้างดังกล่าว ผู้รับจ้างจะเรียกร้องค่าตอบแทนและค่าเสียหายใด ๆ ไม่ได้เลย ข้อตกลงนี้มีลักษณะเป็นการที่ผู้รับจ้างให้สัญญาว่าจะทำการชำระหนี้อย่างอื่นอันมิใช่จำนวนเงินให้เป็นเบี้ยปรับตาม ป.พ.พ. มาตรา 382 แก่จำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้าง และหากเป็นจำนวนพอสมควร จำเลยที่ 1 มีสิทธิรับผลงานนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ราคาแก่โจทก์ผู้รับจ้าง เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของจำเลยผู้ว่าจ้างกับผลงานและพฤติการณ์ของโจทก์ผู้รับจ้างปฏิบัติมาแล้ว เบี้ยปรับส่วนนี้เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าผลงานที่ได้ทำไปแล้ว สำหรับเบี้ยปรับตามสัญญาจ้างข้อ 19 อันเป็นเบี้ยปรับรายวันที่โจทก์ส่งมอบงานล่าช้านั้นเป็นเงินที่โจทก์สัญญาว่าจะใช้แก่จำเลยเมื่อโจทก์ผิดสัญญา แต่ถ้าหากเบี้ยปรับนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงให้เป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ปรากฏว่าโจทก์ได้ลงทุนก่อสร้างงานตามสัญญาเป็นเงินจำนวนมาก และเมื่อทราบว่าโจทก์ใช้เสาเข็มผิดขนาด จำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เลย แม้จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าจำต้องระงับการจ่ายเพื่อเป็นประกันการที่ต้องจ้างบุคคลอื่นทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ แต่จำเลยที่ 1 ก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าได้ว่าจ้างบุคคลอื่นทำการก่อสร้างใหม่แล้วหรือไม่ และต้องใช้เงินจำนวนเท่าใด ทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเงินค้ำประกัน การก่อสร้างซึ่งเป็นจำนวนพอสมควรแล้ว จึงไม่มีเหตุจะปรับโจทก์สูงกว่านี้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,294,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คิดถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 83,489.59 บาท
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง ฟ้องแย้งและแก้ไขฟ้องแย้งขอบังคับให้โจทก์ชำระค่าปรับ 275,622 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลยทั้งสอง
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่คู่ความนำสืบรับกันฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2529 โจทก์ได้ตกลงรับจ้างจำเลยที่ 1 ก่อสร้างถังน้ำใสคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 1,000 ลูกบาศก์เมตร ที่โรงกรองน้ำ จังหวัดปราจีนบุรี ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็น 4 งวด ตามสัญญาจ้างกำหนดให้ใช้เสาเข็มรับน้ำหนักปลอดภัยได้ตันละไม่น้อยกว่า 25 ตัน หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ขุดเจาะสำรวจชั้นดินที่จะก่อสร้างเพื่อกำหนด การใช้เสาเข็มคอนกรีตทำฐานรากของถังน้ำแล้ว ปรากฏว่าต้องใช้เสาเข็มคอนกรีตรูปตัวไอขนาด 26 x 26 เซนติเมตร ยาว 11 เมตร จึงมีหนังสือขออนุญาตใช้เสาเข็มคอนกรีตดังกล่าว จำเลย ที่ 1 อนุญาตให้ใช้ตามที่เสนอ แต่เมื่อลงมือก่อสร้างฐานรากโจทก์ใช้เสาเข็มคอนกรีตขนาด 26 x 26 เซนติเมตร แต่มีความยาวเพียง 7 เมตร เมื่อก่อสร้างจนเสร็จครบ 4 งวด จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับมอบงานอ้างว่าโจทก์ก่อสร้างผิดสัญญา
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจ้างทำการก่อสร้างถังน้ำใส คอนกรีตเสริมเหล็กและมีสิทธิได้ค่าผลงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้วหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ก่อสร้างถังน้ำโดยใช้เสาเข็มผิดขนาดจากที่ขออนุญาตทั้งถังน้ำที่สร้างขึ้นก็ไม่แข็งแรงตามแบบ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อสร้างถังน้ำใสคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนค่าผลงานที่โจทก์ทำไปแล้วอันได้แก่การก่อสร้างถังน้ำใสคอนกรีตเสริมเหล็กโดยใช้เสาเข็มผิดขนาดไปนั้น ตามปกติโจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้คืนจากจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม แต่ปรากฏว่ามีสัญญาก่อสร้างถังน้ำใสคอนกรีตเสริมเหล็กระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เอกสารข้อ 21 กำหนดว่า เมื่อผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาแล้วบรรดางานที่ผู้รับจ้างได้ทำขึ้นและสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้นำมาไว้ ณ สถานที่ทำงานจ้างนั้น โดยเฉพาะเพื่องานจ้างดังกล่าว ผู้รับจ้างจะเรียกร้องค่าตอบแทนและค่าเสียหายใด ๆ ไม่ได้เลย ข้อตกลงนี้มีลักษณะเป็นการที่ผู้รับจ้างให้สัญญาว่าจะทำการชำระหนี้อย่างอื่นอันมิใช่จำนวนเงินให้เป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 382 แก่จำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้าง และหากเป็นจำนวนพอสมควรจำเลยที่ 1 มีสิทธิรับผลงานนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ราคาแก่โจทก์ผู้รับจ้าง เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของจำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างกับผลงานและพฤติการณ์ของโจทก์ผู้รับจ้างปฏิบัติมาแล้ว เห็นว่า เบี้ยปรับส่วนนี้เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าผลงานที่ได้ทำไปแล้ว
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากโจทก์ได้หรือไม่เพียงใด เห็นว่า เบี้ยปรับเป็นเงินที่โจทก์สัญญาว่าจะใช้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ผิดสัญญา แต่ถ้าหากเบี้ยปรับนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงให้เป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ได้ความว่าโจทก์ได้ลงทุนก่อสร้างงานนี้เป็นเงินจำนวนมาก เมื่อทราบว่าโจทก์ใช้เสาเข็มผิดขนาด จำเลยที่ 1 ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เลย แม้จำเลยที่ 1 อ้างว่าจำต้องระงับการจ่ายเพื่อเป็นประกันการที่ต้องจ้างบุคคลอื่นทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จนั้น จำเลยที่ 1 มิได้นำสืบให้เห็นว่า ได้ว่าจ้างบุคคลอื่นทำการก่อสร้างใหม่แล้วหรือไม่ และต้องใช้เงินจำนวนเท่าใดทั้งปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ได้ริบเงินค้ำประกันการก่อสร้างจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาศรีราชา เป็นเงิน 64,700 บาท แล้วเงินที่ริบไปมีจำนวนพอสมควรแล้ว ไม่มีเหตุจะปรับโจทก์สูงกว่านี้อีก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share