แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ระบุตำบลเกิดเหตุในฟ้องว่าเกิดที่ตำบลท่ายางแต่ปรากฏเหตุเกิดอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฝั่งของคลองซึ่งมีฝั่งอีกฝั่งอยู่ในตำบลท่ายางเพราะความสำคัญผิดหรือพลั้งเผลอเพียงเท่านี้จะให้ถือว่าแตกต่างกับฟ้องยังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม 2498 เวลากลางวันถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2498 เวลากลางคืน จำเลยได้บังอาจลักเรือมาด1 ลำ ราคา 800 บาทของนางสร้อยไป หรือรับเรือมาดนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลท่ายาง ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288, 293, 321และขอให้สั่งจำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 800 บาทแก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าได้ความจากพยานโจทก์ว่าเรือที่หาจอดอยู่ตำบลทุ่งคา ซึ่งเป็นคนละตำบลกับที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักหรือรับของโจร จึงเป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 293 ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วย
นายอ้นจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเรือที่หายจอดอยู่ที่คลองบางกะตีนซึ่งฝั่งตะวันออกของคลองบางกะตีนเป็นตำบลท่ายาง ฝั่งตะวันตกเป็นตำบลทุ่งคา ในฟ้องมิได้กล่าวว่าเรือจอดอยู่ฝั่งไหนของคลองบางกะตีน แต่กล่าวว่าเหตุเกิดในตำบลท่ายาง อาจเป็นด้วยความเข้าใจผิดหรือพลั้งเผลอ แต่เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยยืนตามศาลอุทธรณ์