คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3722/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำใดจะมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534จะต้องพิจารณาได้ความว่ามีหนี้ที่จะต้องชำระก่อนและหนี้นั้นจะต้องบังคับได้ตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653และได้มีการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ดังกล่าวนั้นการที่จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน100,000บาทโดยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือแต่อย่างใดต่อมาจำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน100,000บาทเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยในวันออกเช็คจำเลยได้บันทึกไว้ด้วยว่าจำเลยได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่จำเลยได้กู้ยืมจากโจทก์ไว้แล้วโจทก์มีเฉพาะเอกสารดังกล่าวฉบับเดียวที่อ้างเป็นหลักฐานว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ซึ่งได้กระทำขึ้นภายหลังที่ออกเช็คแล้วแม้จะได้กระทำในวันเดียวกันก็ถือได้ว่าขณะที่จำเลยออกเช็คให้โจทก์นั้นแม้จะฟังว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงแต่หนี้นั้นก็ไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 หรือไม่เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 บัญญัติว่า “ผู้ใดออกเช็คที่ชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฯลฯ” เห็นว่าการกระทำใดจะมีมูลความผิดตามกฎหมายดังกล่าวจะต้องพิจารณาได้ความว่า มีหนี้ที่จะต้องชำระก่อนและหนี้นั้นจะต้องบังคับได้ตามกฎหมายเช่นกู้เงินกันเกินกว่า 50 บาท ขึ้นไปถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง และได้มีการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ดังกล่าวนั้น สำหรับกรณีของโจทก์ได้ความว่า จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน 100,000 บาท โดยไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือแต่อย่างใด ต่อมาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2535จำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน 100,000 บาท ลงวันที่ล่วงหน้าเป็นวันที่ 27 มกราคม 2536 เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยในวันออกเช็คจำเลยได้บันทึกไว้ด้วยว่าจำเลยได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่จำเลยได้กู้ยืมจากโจทก์ไว้แล้วปรากฎตามเอกสารหมาย จ. 2 ซึ่งโจทก์มีเฉพาะเอกสารหมาย จ.2 ฉบับเดียวที่อ้างเป็นหลักฐานว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจำนวน 100,000 บาทเห็นได้ว่าเอกสารหมาย จ.2 ได้กระทำขึ้นภายหลังที่ออกเช็คแล้วแม้จะได้กระทำในวันเดียวกันก็ตามถือได้ว่าขณะที่จำเลยออกเช็คให้โจทก์นั้น แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริง แต่หนี้นั้นก็ไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมานั้นชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share