คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้นเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จำเลยมีตึกแถวอยู่ติดกันและมีท่อระบายน้ำโสโครกฝังอยู่ด้านหลังของตึกแถวเป็นแนวเดียวกัน 1 ท่อ เพื่อระบายน้ำร่วมกันไปสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ โจทก์จำเลยมีเรื่องพิพาทกันมาก่อนแล้วจำเลยนำแผ่นเหล็กเจาะรูเล็ก ๆ ปิดกั้นทางระบายน้ำที่จะระบายมาจากบ้านโจทก์ จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านโจทก์เป็นการกระทำที่จงใจจะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ถึงแม้จะกระทำในที่ดินของตนเองก็เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นอันเป็นการกระทำโดยละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421
โจทก์ร้องขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาในกรณีฉุกเฉินให้จำเลยรื้อถอนแผ่นเหล็กดังกล่าวออก เมื่อศาลอนุญาตแล้วโจทก์ก็เอาแผ่นเหล็กที่จำเลยนำไปปิดกั้นออก การกระทำของโจทก์ดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งศาลอันชอบด้วยกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำโดยละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำแผ่นเหล็กเจาะรูเล็ก ๆ ปิดกั้นท่อระบายน้ำโสโครกในบ้านจำเลย เพื่อไม่ให้น้ำในบ้านโจทก์ระบายออกสู่ท่อน้ำสาธารณะ เป็นเหตุให้น้ำท่วมตึกแถวห้องชั้นล่างของโจทก์ ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยและบริวารรื้อแผ่นเหล็กที่ปิดกั้นออกไปและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์กับพวกทิ้งขยะและสิ่งโสโครกลงในทางระบายน้ำ เป็นเหตุให้ทางระบายน้ำอุดตัน แล้วโจทก์ฟ้องจำเลยขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาในกรณีฉุกเฉินโดยโจทก์เบิกความเท็จเป็นเหตุให้ศาลเข้าใจผิดสั่งให้จำเลยรื้อแผ่นเหล็กที่ปิดกั้นท่อระบายน้ำออก และโจทก์ให้คนงานรื้อถอนซี่เหล็กอีกแผ่นหนึ่งซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยออกเป็นเหตุให้น้ำโสโครกท่วมห้องครัวและห้องน้ำของจำเลย ทรัพย์สินเสียหาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าโจทก์มิได้กลั่นแกล้งเอาขยะใส่ทางระบายน้ำ การรื้อถอนสิ่งปิดกั้นโจทก์ทำโดยสุจริตตามคำสั่งศาล โจทก์ไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อแผ่นเหล็กที่ปิดกั้นออก ห้ามปิดกั้นอีกต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยและผู้ที่อยู่ในตึกแถวเลขที่ ๒๘ ใช้ท่อระบายน้ำด้านหลังตึกแถวท่อเดียวกันเพื่อไหลลงไปสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ โดยน้ำโสโครกหรือน้ำทิ้งจะไหลจากห้องโจทก์ผ่านไปห้องเลขที่ ๒๘ และห้องจำเลยตามลำดับ ต่อมาจำเลยเอาแผ่นเหล็กเจาะรูเล็ก ๆ มาปิดกั้นท่อระบายน้ำนี้ไว้ที่แนวเขตติดต่อระหว่างตึกแถวห้องจำเลยและตึกแถวเลขที่ ๒๘ เป็นเหตุให้น้ำท่วมตึกแถวห้องชั้นล่างของโจทก์ทรัพย์สินเสียหาย ปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นละเมิดต่อโจทก์จริงหรือไม่ และโจทก์เสียหายเพียงใด ตามประเด็นข้อนี้โจทก์มีพยานวัตถุคือภายถ่ายหมาย จ.๔ และหมาย ล.๑ เป็นภาพแผ่นเหล็กเจาะรูที่จำเลยใส่ลงไปปิดกั้นระหว่างห้องเลขที่ ๒๘ กับห้องเลขที่ ๒๖ ของจำเลย พยานบุคคลฝ่ายโจทก์มีโจทก์ที่ ๒ และนางนันทนา กิตติวัฒนะกุล น้องของโจทก์ที่ ๒ เบิกความว่าจำเลยเป็นฝ่ายทำให้ทางระบายน้ำอุดตันและได้ร้องเรียนไปยังเขตปทุมวันจนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย ทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ทำละเมิด กล่าวคือ จำเลยปิดกั้นทำให้น้ำไม่สามารถระบายได้และท่วมขังทำให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหาย ข้ออ้างของจำเลยว่าผู้ครอบครองห้องเลขที่ ๒๘ เป็นผู้ไม่ตักขยะออกรับฟังไม่ได้เพราะถ้าผู้ครอบครองห้องเลขที่ ๒๘ ทำเช่นนี้ตนเองก็จะเดือดร้อนโดยที่ห้องเลขที่ ๒๖ ของจำเลยจะไม่กระทบกระเทือนเลยข้อต่อสู้ของจำเลยที่อ้างว่าการปิดกั้นกระทำในที่ดินของตนจึงไม่เป็นการละเมิดนั้น เห็นว่าตามทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยมีเรื่องพิพาทกันมาก่อนแล้วจำเลยนำแผ่นเหล็กเจาะรูเล็ก ๆ มาปิดกั้นทางระบายน้ำที่จะระบายมาจากบ้านโจทก์ จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านโจทก์ เป็นการกระทำที่จงใจจะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ถึงแม้จะกระทำในที่ดินของตนเองก็เป็นการทำโดยละเมิดตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๑ ที่ว่า ‘การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้นท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย’ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ สำหรับจำนวนค่าเสียหายจำเลยมิได้สืบหักล้างให้ฟังได้เป็นอย่างอื่นจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้บังคับคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยนั้น เห็นว่าการที่โจทก์เอาแผ่นเหล็กเจาะรูที่จำเลยนำไปปิดกั้นออกก็โดยได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งศาลอันชอบด้วยกฎหมายถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดจึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share