คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วแต่ยังอยู่ภายในกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ก็ถือเป็นการถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีจะถึงที่สุดศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ได้ไม่เป็นการลบล้างหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามป.วิ.อ.มาตรา39(2)อันมีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นระงับไปด้วยในตัว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 23,500 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน
คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดียังไม่ถึงที่สุด เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไป มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์เมื่อไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีย่อมอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชอบแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฯลฯ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2526 ซึ่งอยู่ภายในกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ก็เป็นการถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดต่อส่วนตัวก่อนคดีจะถึงที่สุด ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะอนุญาตให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ได้ กรณีนี้มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไปลบล้างหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา เพราะเมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์แล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) อันมีผลให้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นระงับไปด้วยในตัว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share