คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การนำสืบข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง แม้จะมีหนังสือของเจ้าของที่ดินระบุว่าที่พิพาทเป็นทางเดินมาก่อนนานแล้ว ก็เป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นได้
จำเลยทำหนังสือยินยอมว่ายอมให้โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ โดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใด ๆ และบุคคลคนหนึ่งเป็นผู้นำหนังสือนั้นมาให้โจทก์ยึดถือไว้ ก็มีผลเป็นแต่เพียงให้โจทก์มีสิทธิเดินตามทางพิพาทได้โดยไม่เป็นละเมิด แต่โจทก์ไม่มีสิทธิยกเอาความยินยอมนั้นผูกพันจำเลยตลอดไป จำเลยอาจเลิกไม่ให้ใช้เดินเสียเมื่อไรก็ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1084/2507)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดที่ ๘๒๐ ของจำเลยเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ ทั้งร้อยเอกอาภรณ์ยังนำหนังสือยินยอมของจำเลยให้โจทก์ใช้ทางเดินนี้ได้มาให้โจทก์ไว้ ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางและจดทะเบียนภารจำยอม กับใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินโฉนดที่ ๘๒๐ ไม่เคยเป็นทางเดิน โจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะอยู่แล้ว และภารจำยอมสิ้นไปเพราะการไม่ใช้ หนังสือที่จำเลยทำนั้นเพื่อช่วยเหลือมิให้ร้อยเอกอาภรณ์ ถูกฟ้องคดีอาญา เป็นโมฆะ และจำเลยจะยกเลิกเสียเมื่อไรก็ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์หมดแล้ว จำเลยจะขอสืบพยานว่าที่ดินโฉนดที่ ๘๒๐ ไม่ตกอยู่ภายใต้ภารจำยอม ไม่เคยมีการใช้เป็นทางเดินมาก่อน และหลังไฟไหม้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ ก็ไม่มีการใช้เป็นทางเดิน กับจะสืบแก้การทำหนังสือให้ความยินยอมท้ายฟ้องว่า ทำขึ้นโดยมิได้มีเจตนาที่จะให้โจทก์และบริวารได้ใช้ทางนี้ ที่ทำขึ้นก็เพื่อจะระงับคดีที่โจทก์จะฟ้องคดีอาญาร้อยเอกอาภรณ์กับพวก เป็นเอกสารที่จำเลยทำขึ้นฝ่ายเดียวมอบให้ร้อยเอกอาภรณ์กับพวก โดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับโจทก์ โจทก์แถลงว่า ประเด็นค่าเสียหายไม่ติดใจเรียกร้อง ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน โดยเห็นว่าหนังสือให้ความยินยอมนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ บังคับกันได้ พิพากษาให้จำเลยเปิดทางเดินในที่ดินโฉนดที่ ๘๒๐ กับให้จำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไป เพราะ
๑. หนังสือยินยอมของจำเลยตามสำเนาท้ายฟ้อง มีข้อความระบุชัดแล้วว่า โฉนด เลขที่ ๘๒๐ เป็นทางเดินมาก่อนนานแล้ว จะสืบแก้ไขเป็นอย่างอื่นไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ในปัญหาข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง จึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ คู่ความอาจสืบพยานบุคคลได้ ข้อความในหนังสือยินยอมนั้นมีผลเป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งด้วยเท่านั้น
๒. เมื่อจำเลยทำหนังสือให้ความยินยอมแก่โจทก์แล้ว โจทก์ฟ้องบังคับตามหนังสือยินยอมได้ หนังสือยินยอมนั้นมีความว่า จำเลยยินยอมให้โจทก์และบริวารใช้ที่ดินโฉนดที่ ๘๒๐ เป็นทางเข้าออกสู่ถนนบ้านดอนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยจำเลยไม่ขอรับค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้นหนังสือยินยอมนี้ตามฟ้องโจทก์กล่าวว่าร้อยเอกอาภรณ์เอาจากจำเลยมาให้โจทก์ยึดถือไว้ จึงมีผลเป็นแต่เพียงให้โจทก์มีสิทธิเดินตามทางพิพาทได้โดยไม่เป็นละเมิด แต่โจทก์ไม่มีสิทธิยกเอาความยินยอมนั้นผูกพันจำเลยตลอดไป จำเลยอาจเลิกไม่ให้ใช้เดินเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๘๔/๒๕๐๗
๓. โจทก์ฎีกาว่า โดยสภาพที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม จึงเป็นทางจำเป็น ข้อนี้จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินของโจทก์มีทางอื่นออก ซึ่งศาลชั้นต้นยังหาได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไม่
เหตุดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
พิพากษายืน

Share