คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3699/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 3 เป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน จึงต้องรับผิดร่วมกันใน บรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ตามบทบัญญัติมาตรา 1088 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และจำเลยที่ ๓ เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจำเลยที่ ๒ ในฐานะส่วนตัวและในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราของจำเลยที่ ๑ สั่งจ่ายเงินตามเช็ค ๓ ฉบับ จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้มีข้อตกลงกับธนาคารตกลงให้จำเลยที่ ๓ ลงลายมือชื่อและประทับตราของจำเลยที่ ๑ เป็นเบิกจ่ายเงินของจำเลยที่ ๑ ได้ โดยจำเลยที่ ๑ ยอมผูกพันตนรับผิดในการกระทำของจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ ในฐานะส่วนตัวและในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราของจำเลยที่ ๑ สั่งจ่ายเงินตามเช็ค ๗ ฉบับ เพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าให้โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงินโจทก์ได้นำเข้าบัญชีของโจทก์ ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ใช้เงินตามเช็ค ๑๐ ฉบับและจำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามเช็ค ๗ ฉบับ
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามเช็ค ๓ ฉบับเพราะจำเลยที่ ๒ สั่งจ่ายเช็คในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ ๑ และฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและจำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิดตามเช็ค ๗ ฉบับ เพราะจำเลยที่ ๓ สั่งจ่ายเช็คในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ตามที่จำเลยที่ ๑ มอบอำนาจ จำเลยที่ ๑ รับว่าได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องให้แก่โจทก์เพื่อชำระค่าสินค้า แต่สินค้าโจทก์ไม่ได้มาตรฐาน โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาซื้อขาย ให้โจทก์รับสินค้าคืน แต่โจทก์เพิกเฉย จำเลยที่ ๑ จึงสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็ค และไม่นำเงินเข้าบัญชี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันชำระเงินตามเช็คทั้ง ๑๐ ฉบับ และจำเลยที่ ๓ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ชำระเงินตามเช็ค ๗ ฉบับ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๓
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาในชั้นนี้เพียงว่า จำเลยที่ ๓ จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามฟ้องหรือไม่ ได้ความตามที่จำเลยที่ ๓ รับว่าจำเลยที่ ๓ เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดและลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ครวม ๗ ฉบับเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริง เห็นว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ ๓ เป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนจึงต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ ๑ ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๐๘๘ วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีจำเลยที่ ๓ ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share