คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 หลักฐานข้อตกลงตามหนังสือโอนการเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้และมิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุคคลภายนอก ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อได้ ดังนั้น การทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ไม่มีผลบังคับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ 1 คัน ไปจากโจทก์ต่อมาจำเลยที่ 1 รับโอนการเช่าซื้อรถยนต์คันนี้จากจำเลยที่ 2 โดยโจทก์ยินยอมและจำเลยที่ 2 โดยโจทก์ยินยอมและจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์หากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคารถยนต์ และชดใช้ค่าเสียหาย

จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง รถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญารับโอนการเช่าซื้อกับโจทก์ไม่ใช่รถยนต์ของโจทก์คันที่ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อแต่เป็นของบุคคลภายนอก โจทก์กับจำเลยที่ 2ปกปิดความจริง หากจำเลยที่ 1 รู้ความจริง จะไม่เข้าทำสัญญาด้วยจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายต้องคืนรถยนต์ให้บุคคลภายนอกไป ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์คืนเงินค่าเช่าซื้อ

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยปกปิดข้อความจริงใด ๆ แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดตามสัญญา

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การทำหนังสือโอนการเช่าซื้อกันเป็นการแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันตามสัญญาโอนการเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์หรือใช้ราคา 5,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมทั้งค่าเสียหาย

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าหนังสือโอนการเช่าซื้อเป็นการแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้หรือไม่

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์คืนเงินค่าเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า หนังสือโอนการเช่าซื้อเป็นการแปลงหนี้ จำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันกับโจทก์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดัทสันกระบะหมายเลขเครื่องเจ-171754 ของโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 2นำรถยนต์ของนายบุญที่ถูกคนร้ายลักมาขายให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เชื่อโดยสุจริตว่าเป็นรถยนต์คันของโจทก์ที่ให้จำเลยที่ 2 เช่าซื้อไป จำเลยที่ 1 ที่ 2จึงทำหนังสือขอโอนสิทธิการเช่าซื้อ เพื่อให้โจทก์อนุมัติและโจทก์ไม่ทราบว่ารถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 แล้วขอโอนสิทธิการเช่าซื้อต่อให้ เป็นรถยนต์ของผู้อื่นที่ลูกลักมาแก้เลขเครื่องยันต์ จึงอนุมัติตามเอกสารหมาย จ.6 ปัญหาที่โจทก์เห็นว่า การทำเอกสารหมาย จ.6 เป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องผูกพันรับผิดเป็นลูกหนี้โจทก์แทนจำเลยที่ 2 ลูกหนี้เดินนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่าโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 หลักฐานข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.6 จึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ เอกสารหมาย จ.6มิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 รถยนต์คันนั้นเป็นของนายบุญซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อได้ และการทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119ไม่มีผลบังคับ

พิพากษายืน

Share