คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามและผู้ตายร่วมดื่มสุราจนเมา แล้วผู้ตายพูดท้าทายและไม่ยอมใช้เงินยืมแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 และที่3 จึงเตะและชกผู้ตายล้มลง จำเลยที่ 2 ใช้ไม้กระดานตีที่ตะโพกผู้ตายเพียงทีเดียว หลังจากผู้ตายล้มลงที่พื้นดินแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 3 ใช้จอบฟันผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ดังนี้เป็นเหตุเกิดขึ้นเฉพาะหน้าโดยมิได้คบคิดนัดหมายกันมาก่อนเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดและต่างคนต่างทำ ทั้งเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ใช้จอบฟันผู้ตายนั้น จำเลยที่ 2 ก็มิได้เกี่ยวข้องหรือพูดสนับสนุนซ้ำเติมให้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่2 จึงไม่เป็นตัวการในการฆ่าผู้ตาย ที่จำเลยที่ 2 ใช้ไม้กระดานตีตะโพกผู้เสียหายเพียงทีเดียวเป็นเพียงมีเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันฆ่านายฟุ้ง นิยมภักดิ์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 จำคุกคนละ 18 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 หนึ่งในสามคงจำคุก 12 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 9 ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฟังได้แล้วว่าจำเลยที่ 2 ใช้ไม้กระดานตีผู้ตายจริง มีปัญหาที่จะวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ คดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นตอนเกิดเหตุ คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุ แผนที่เกิดเหตุ ประกอบเหตุผลตามคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3ฟังได้ว่า ต้นเหตุที่จะเกิดเรื่องนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อจำเลยทั้งสามและผู้ตายร่วมดื่มสุราจนเมากันแล้ว ผู้ตายท้าทายและไม่ยอมใช้เงินยืมแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 และที่ 3 เตะและชกผู้ตายล้มลงจำเลยที่ 2 เพียงใช้ไม้กระดานตีที่ตะโพกผู้ตายไปเพียงทีเดียว ในตอนหลังที่ผู้ตายถูกชกตกลงไปที่พื้นดินแล้ว คงมีแต่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ใช้จอบฟันผู้ตาย ตามคำเบิกความของนายพิศิษฐ์ โปร่งจิต แพทย์ประจำตำบลที่ร่วมชันสูตรพลิกศพผู้ตายก็ว่า ผู้ตายตายเนื่องจากแผลที่ถูกจอบฟัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ความจากคำนางปราณี ส่องสว่างเจ้าของสวนยาง และนายอยู่ เจสันเทียะ หัวหน้าคนงาน ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสามและผู้ตายไม่เคยมีสาเหตุกันแต่อย่างใด และตามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ฟังได้ว่าเหตุเกิดเนื่องจากผู้ตายไม่ยอมใช้เงินยืมที่จำเลยที่ 1 ทวงถามขณะร่วมวงดื่มสุราจนเมากันแล้ว อันเป็นปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้คบคิดนัดหมายเตรียมการกันมาก่อน เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดและต่างคนต่างทำเฉพาะการกระทำของจำเลยที่ 2 ก็มีเพียงว่าเมื่อมีการเตะชกต่อยกันในตอนแรก จำเลยที่ 2 ได้ใช้ไม้กระดานตีที่ตะโพกผู้ตายไปเพียงทีเดียวหลังจากนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ชกผู้ตายตกลงไปที่พื้นดิน แล้วจำเลยที่ 1 และที่ 3 ใช้จอบฟันผู้ตายนั้น จำเลยที่ 2 ไม่ได้ลงไปเกี่ยวข้องหรือพูดสนับสนุนซ้ำเติมให้ฆ่าผู้ตายแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 สมคบร่วมกันฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น และการที่จำเลยที่ 2 ใช้ไม้กระดานตีไปที่ตะโพกผู้ตายเพียงทีเดียว ย่อมไม่ถึงกับทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 2 มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share