คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128-2132/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ย่อมเป็นไปตามสภาพของที่ดินนั้นเองว่าเป็นทรัพย์สินเพื่อสาธารณะประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องขึ้นทะเบียนไว้ที่พิพาทเป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ที่ราษฎรในหมู่บ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้วจึงเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(2)
โจทก์ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก)ในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครองการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก) ให้ไปไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ว่าราชการจังหวัดชอบที่จะดำเนินการเพิกถอนเสียได้ตาม มาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยทั้งสามที่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) ของโจทก์ทั้งหมด โดยให้ น.ส.3 ก.ของโจทก์ทั้งหมดตามฟ้องมีผลใช้บังคับต่อไป ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 2 มีอำนาจเพิกถอนเสียได้ ไม่เป็นละเมิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ทั้งห้าสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ส่วนที่ว่าที่พิพาท “โคกโนนกลาง” ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์อย่างที่ดินรายโคกหนองสองห้อง ตามเอกสารหมาย จ.3 นั้น เห็นว่าการจะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องขึ้นทะเบียนไว้ จะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ย่อมเป็นไปตามสภาพของที่ดินนั้นเองว่าเป็นทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันสำหรับที่พิพาทนี้ปรากฏว่าเป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ที่ราษฎรในหมู่บ้านตำบลกุดน้อยใช้ประโยชน์ร่วมกันมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว จึงเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) จริงอยู่แม้โจทก์แต่ละคนจะได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) แล้วก็ตาม แต่เมื่อได้รับความว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์หรือผู้ใดก็หามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่ การที่เจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ให้ไป จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นอำนาจของจำเลยที่ 2 ชอบที่จะดำเนินการเพิกถอนเสียได้ ตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334″

พิพากษายืน

Share