คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ในคำฟ้องระบุว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คชำระหนี้ แต่พยานโจทก์เบิกความว่าเป็นเช็คที่มีผู้นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ และตัวโจทก์กับพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันเกี่ยวกับวันที่รับแลกเช็คและการที่โจทก์ไม่สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คพิพาทนั้นก็มิใช่ข้อสาระสำคัญถึงกับทำให้พยานโจทก์ฟังไม่ได้ การเช่นแชร์นั้นลูกแชร์ซึ่งประมูลแชร์ได้งวดใด มีหน้าที่ต้องส่งเงินค่าแชร์ที่ประมูลได้บวกกับดอกเบี้ย ให้หัวหน้าวงแชร์ทุกงวดจนกว่าจะครบลูกแชร์ทุกคนที่ยังประมูลไม่ได้ ไม่ใช่ต้องชำระค่าแชร์ที่จะต้องส่งต่อทั้งหมดในงวดเดียว การที่จำเลยมอบเช็คพิพาทมีจำนวนเงินเท่ากับค่าแชร์ที่จะต้องส่งต่อทั้งหมดให้แก่หัวหน้าวงแชร์ จึงไม่ใช่เป็นการชำระค่าแชร์ที่จำเลยจะต้องส่งต่อทั้งหมดแต่เป็นการมอบให้เพื่อประกันเงินค่าแชร์ที่จำเลยจะต้องส่งต่อเท่านั้น จำเลยไม่มีเจตนาจะให้ผู้ทรงนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เมื่อโจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คจำนวน 2 ฉบับ เป็นความผิด 2 กรรม ลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดกระทงแรกจำคุก 2 เดือน กระทงที่สองจำคุก 1 เดือนรวมจำคุก 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แม้โจทก์จะนำสืบว่านางยุพดีนำเช็คพิพาททั้งสองฉบับมาแลกเงินสดจากโจทก์ แต่ในคำฟ้องอ้างว่ารับชำระหนี้ และตัวโจทก์กับนางยุพดีพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันเกี่ยวกับวันที่รับแลกเช็ค และการที่โจทก์ไม่สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คพิพาทนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญถึงกับทำให้พยานโจทก์ฟังไม่ได้ ทั้งวันที่รับแลกเช็คก็ต่างกันแค่วันที่ 4 กับวันที่ 10 ซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้เคียงกันเมื่อจำเลยไม่สามารถนำสืบหักล้างแสดงให้เห็นเป็นอื่น จึงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ” “ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่านางยุพดีเปิดวงแชร์โดยนางยุพดีเป็นหัวหน้าวงแชร์จำเลยเข้าเล่นแชร์กับนางยุพดีโดยจำเลยเป็นลูกแชร์ จำเลยประมูลแชร์ได้และรับเงินไปแล้ว เช็คพิพาททั้งสองฉบับมีจำนวนเงินเท่ากับเงินค่าแชร์ทั้งหมดที่จำเลยยังต้องส่งชำระต่อ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยเล่นแชร์มือละ 1,000 บาท 2 มือ มือละ 3,000 บาท 2 มือจำเลยนำสืบว่าจำเลยเล่นแชร์มือละ 1,000 บาท 2 มือ มือละ 3,000 บาท1 มือ เห็นว่า ในการเล่นแชร์นั้นลูกแชร์ซึ่งประมูลได้งวดใดก็จะได้รับเงินทั้งหมดที่ลูกแชร์คนอื่นต้องส่งเงินประจำงวดนั้นจากหัวหน้าวงแชร์ หลังจากนั้นในงวดต่อ ๆ ไป ลูกแชร์ที่ที่ประมูลได้ไปแล้วมีหน้าที่ต้องส่งเงินค่าแชร์ให้หัวหน้าวงแชร์ทุกงวดจนกว่าจะครบลูกแชร์ทุกคนที่ยังประมูลไม่ได้ ดังนั้นกรณีของจำเลยซึ่งเล่นแชร์มือละ 1,000 บาท และ 3,000 บาท เมื่อจำเลยประมูลได้แล้ว จำเลยมีหน้าที่ส่งเงินค่าแชร์ให้หัวหน้าวงแชร์งวดละ1,000 บาท และ 3,000 บาท บวกกับดอกเบี้ยที่ประมูลได้เท่านั้นไม่ใช่ต้องชำระค่าแชร์ที่จะต้องส่งต่อทั้งหมดในงวดเดียว ดังนั้นการที่จำเลยมอบเช็คพิพาทมีจำนวนเงินเท่ากับค่าแชร์ที่จะต้องส่งต่อทั้งหมดให้แก่นางยุพดี จึงไม่ใช่เป็นการชำระค่าแชร์ที่จำเลยจะต้องส่งต่อทั้งหมด แต่เป็นการมอบให้เพื่อประกันเงินค่าแชร์ที่จำเลยจะต้องส่งต่อเท่านั้น ส่วนการชำระค่าแชร์เป็นรายงวดนั้นจำเลยให้หักเอาจากค่าบะหมี่ที่จำเลยจะต้องส่งนางยุพดีเป็นประจำดังจำเลยนำสืบ จำเลยไม่มีเจตนาจะให้ผู้ทรงนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ดังนั้นเมื่อโจทก์นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share