คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่249 และ 251 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในโฉนดที่ดินเลขที่ 1674 ของโจทก์ รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ 9ตารางเมตร โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งหลายหนแต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหายแม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตาม แต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่า ห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ซึ่งตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไปการละเมิดก็ยังคงมีต่อเนื่องกันตลอดมาอีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้น หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องคำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1674ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่ 249 และ 251 จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่จังหวัดแพร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253ถนนเจริญเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ที่ดินของโจทก์อยู่ติดกับที่ดินของจำเลย ปรากฏว่า ห้องแถวไม้ชั้นเดียวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้าในโฉนดที่ดินเลขที่ 1674 ของโจทก์ รวมเนื้อที่ของห้องแถวไม้ชั้นเดียวและรั้วสังกะสีรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ประมาณ 9 ตารางเมตร ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องหมายเลข 2 โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งหลายหน แต่จำเลยเพิกเฉย ปัจจุบันโจทก์ประสงค์จะรื้อถอนห้องแถวไม้เลขที่ 249 และ 251 ของโจทก์เพื่อปลูกสร้างอาคารให้เช่าหาผลประโยชน์เต็มเนื้อที่ แต่ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากห้องแถวไม้และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำอยู่ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขาดประโยชน์จากการก่อสร้างอาคารให้ผู้อื่นเช่าจำนวน 2 ห้อง ในราคาห้องละ 3,000 บาท ต่อเดือนซึ่งตามโครงการจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2533 โจทก์จึงขอคิดค่าเสียหายเนื่องจากขาดประโยชน์จากจำเลยในอัตราเดือนละ 6,000 บาทขอให้พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนห้องแถวไม้เลขที่ 253 ถนนเจริญเมืองตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ พร้อมรั้วสังกะสีหลังห้องแถวไม้ดังกล่าวเฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอัตราเดือนละ 6,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วสังกะสีที่รุกล้ำเสร็จสิ้นด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยเองหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วสังกะสี ดังกล่าว โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและสภาพบังคับว่า จำเลยได้กระทำอย่างไรอันเป็นการกระทำให้ห้องแถวชั้นเดียวเลขที่ 253 และรั้วสังกะสีรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ และรุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่สุจริตอย่างไรรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ทำให้จำเลยไม่สามารถเข้าใจสภาพแห่งข้อหาได้ดี ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยว่า คำฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าคำฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1674 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียวจำนวน 2 ห้อง เลขที่ 249 และ 251 ถนนเจริญเมืองตำบลในเมือง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 พร้อมห้องแถวไม้ชั้นเดียว เลขที่253 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ ปรากฏว่าห้องแถวเลขที่ 253และรั้วสังกะสีของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในโฉนดที่ดินเลขที่ 1674ของโจทก์ รวมเนื้อที่รุกล้ำประมาณ 9 ตารางเมตร ตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้อง หมายเลข 2 โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขหลายครั้งหลายหน แต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหายนั้นเป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยชัดแจ้งแล้วว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์โจทก์แจ้งให้จำเลยรื้อถอนแล้ว จำเลยไม่รื้อถอนทำให้โจทก์เสียหายที่จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารุกล้ำโดยสุจริตหรือไม่สุจริตอย่างไร และรุกล้ำทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้น เห็นว่าเป็นข้อที่จำเลยจะต่อสู้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบได้ภายหลังและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยให้การต่อสู้ว่า ห้องแถวและรั้วของจำเลยได้มีการปลูกสร้างมาก่อนที่บิดาจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3052 จากเจ้าของเดิมส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่อาจยกอายุความละเมิดขึ้นต่อสู้ได้เพราะไม่ทราบว่าเหตุละเมิดเกิดขึ้นเมื่อได้นั้น เห็นว่า คดีนี้แม้ว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องของโจทก์จะเป็นเรื่องละเมิดก็ตามแต่ก็เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าห้องแถวไม้และรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ดังนั้นตราบใดที่จำเลยยังไม่ยอมรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำออกไปการละเมิดก็ยังคงมีต่อเนื่องกันตลอดมาอีกทั้งโจทก์ก็ขอเพียงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการขาดประโยชน์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนห้องแถวไม้และรั้วส่วนที่รุกล้ำเสร็จเท่านั้นโจทก์หาได้เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องหรือค่าเสียหายอื่นนอกจากนี้อีก คำฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้แม้จะมิได้บรรยายว่าเหตุละเมิดเกิดเมื่อใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่มีกรณีที่จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้”
พิพากษายืน

Share