คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยสั่งให้โจทก์พักจัดรายการเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์โดยเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ทำงานอยู่ต่อไปถือเป็นการเลิกจ้าง และอุทธรณ์ว่าโจทก์ทำงานมาครบ 1 ปีมีสิทธิได้รับเงินโบนัสตามสัญญา อุทธรณ์ทั้ง 2 กรณี ดังกล่าวต่างเป็นการโต้เถียงดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย ตำแหน่งนักจัดรายการแพลงต่อมาจำเลยสั่งพักการจัดรายการของโจทก์ อ้างว่าโจทก์ประพฤติผิดกฎข้อบังคับของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและผิดสัญญาจ้างต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าชดเชยค่าทำงานในวันหยุด สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น208,454.42 บาท
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ แต่โจทก์ได้ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้จำเลยเสียหาย ฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์มาทำงาน จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายตามฟ้อง และไม่ต้องจ่ายเงินโบนัสให้โจทก์เพราะโจทก์ทำงานไม่ครบรอบในปี 2533 ส่วนค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปีและค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณีนั้น โจทก์ได้รับและใช้สิทธิแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี 9,620 บาท ค่าทำงานวันหยุดพักผ่อนประจำปี 4,440 บาท กับค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ 5,920 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของแต่ละจำนวน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่จำเลยสั่งให้โจทก์พักจัดรายการ เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์โดยเจตนาที่จะไม่ให้ทำงานอยู่ต่อไป ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินโบนัสสำหรับปี พ.ศ. 2533 นั้น ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าปรากฏข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์และจำเลยว่า โจทก์ทำงานให้จำเลยในปี พ.ศ. 2533 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2533 เท่านั้น ในปีพ.ศ. 2533 โจทก์ทำงานไม่ครบ 1 ปี การที่โจทก์จะมีสิทธิได้รับเงินโบนัสปี 2533 จำนวนตามฟ้อง โจทก์จะต้องทำงานให้จำเลยจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2533 ดังนั้นจำเลยจึงไม่ต้องจ่ายเงินโบนัสแก่โจทก์โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ได้เข้าทำงานกับจำเลยตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน2531 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2533 จึงมีสิทธิได้รับเงินโบนัสตามสัญญาเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายดอกเบี้ยสำหรับค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณีและวันหยุดพักผ่อนประจำปีกับวันหยุดประจำสัปดาห์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของแต่ละจำนวน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง.

Share