แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ที่ดินของโจทก์และจำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกันอันเป็นของบิดาโจทก์จำเลย โจทก์รับโอนที่ดินจากบิดามาก่อนจำเลยแล้วโจทก์เข้าทำประโยชน์โดยใช้น้ำจากคลองซอยหรือคูน้ำพิพาทที่อยู่ในที่ดินมรดกที่ยังมิได้โอนให้จำเลยซึ่งเป็นการใช้น้ำโดยถือวิสาสะว่าเป็นที่ดินมรดกของบิดา เมื่อจำเลยรับโอนที่ดินมรดกดังกล่าวจากบิดาหลังจากโจทก์รับมรดกที่ดินส่วนของโจทก์นานถึง 16 ปีเศษ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านหรืออ้างสิทธิใด ๆ ว่าโจทก์มีสิทธิใช้น้ำจากที่ดินของจำเลย โจทก์คงใช้น้ำเรื่อยมา แสดงว่าโจทก์ถือว่าเป็นที่ดินของน้องชาย โดยมิได้แสดงให้จำเลยทราบว่าจะถือเอาคลองซอยหรือคู่น้ำพิพาทเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ แม้โจทก์จะใช้น้ำในที่ดินของจำเลยนานเท่าใดก็ไม่ได้ภาระจำยอม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโจทก์และจำเลยอยู่ติดกัน โจทก์ใช้น้ำจากคลองซึ่งไหลผ่านที่ดินจำเลยมาเป็นเวลา 50-60 ปี จำเลยถมปิดกั้นคลองดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ใช้น้ำ ขอให้ศาลพิพากษาว่าคลองดังกล่าวเป็นภาระจำยอมสำหรับใช้น้ำและใช้เรือสัญจรร่วมกัน ให้จำเลยไปจดทะเบียนภาระจำยอมต่อเจ้าพนักงานที่ดิน และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ที่ดินของจำเลยไม่มีคลองซอยคงมีแต่คูกว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 400 เมตร ไม่ผ่านที่ดินผู้ใด โจทก์ก็ไม่เคยใช้มาก่อน เพราะโจทก์เพิ่งเป็นเจ้าของที่ดินยังไม่ถึง10 ปี ที่ดินของจำเลยไม่ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์การถมคูในที่ดินที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ยกฟ้องระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นอนุญาตให้เรียกนายนิคม โอวัฒนะสินเข้าเป็นจำเลยร่วมตามที่จำเลยร้องขอ
จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยร่วมซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 22910ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ ที่ดินโจทก์จำเลยติดกันจริงแต่ที่ดินของจำเลยไม่มีคลองมีแต่คูน้ำที่ใช้เฉพาะที่ดินของจำเลยเท่านั้นคลองซอยพิพาทไม่ผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 12547 แต่อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 22910 มาแต่เดิม และขอให้ถือเอาคำให้การของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การจำเลยร่วมด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ เป็นว่าคลองซอยที่แยกจากคลองลัดหรือคลองลัดนางแทนที่ผ่านเข้ามายังที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 22910 กว้างประมาณ 6 เมตร ยาวประมาณ 300 เมตร เป็นภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 12056เพื่อใช้น้ำและสัญญจรทางเรือ ห้ามจำเลยหรือจำเลยร่วมถมหรือปิดกั้นหรือขัดขวางการใช้ ให้จำเลยหรือจำเลยร่วมไปจดทะเบียนภาระจำยอมต่อเจ้าพนักงานที่ดินหากจำเลยไม่ปฎิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแสดงเจตนา ให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดคลองซอย โดยขนดินส่วนที่ถมออก หากจำเลยไม่ปฎิบัติตามให้โจทก์เป็นฝ่ายเปิดคลองโดยจำเลยและจำเลยร่วมเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยและจำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเดิมที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นของนายยอด กรรณสูต บิดาของโจทก์จำเลย โจทก์ได้รับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 12056 จากนายยอดบิดาตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2497 และจำเลยได้รับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 22910 จากนายยอดบิดาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2514ที่ดินของจำเลยอยู่ติดที่ดินของโจทก์ด้านทิศเหนือ ตามภาพถ่ายโฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยเอกสารหมาย จ.1 และจ.2 ตามลำดับ และเขตติดต่อของที่ดินโจทก์จำเลยตามโฉนดดังกล่าวไม่ปรากฎว่า ที่ดินด้านทิศเหนือของโจทก์และด้านทิศใต้ของจำเลยติดคลองซอยหรือคูน้ำเมื่อพิจารณารูปที่ดินตามโฉนดและแผนที่พิพาท เอกสารหมาย จ.6แล้ว น่าเชื่อว่า ที่ดินของจำเลยอยู่ในเส้นสีเขียวทึบ คลองซอยหรือคูน้ำที่พิพาทกันจัดอยู่ในที่ดินของจำเลย ซึ่งคู่ความก็รับกันว่าโจทก์ได้ใช้ประโยชน์จากน้ำในคลองซอยหรือคูน้ำพิพาทตั้งแต่โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ในทีดินของโจทก์มากว่า10 ปีแล้ว คงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า คลองซอยและคูน้ำพิพาทเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์หรือไม่ เห็นว่าโจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน ที่ดินทั้งสองแปลงก็เป็นของบิดาโจทก์จำเลยมาแต่เดิม การที่โจทก์รับโอนที่ดินมรดกของบิดามาก่อนจำเลยแล้วเข้าทำประโยชน์โดยใช้น้ำจากคลองซอยหรือคู่น้ำพิพาทที่อยู่ในที่ดินมรดกที่ยังมิได้โอนให้จำเลย น่าเชื่อว่าเป็นการใช้น้ำโดยถือวิสาสะว่าเป็นที่ดินมรดกของบิดา ครั้นเมื่อจำเลยรับโอนที่ดินมรดกของบิดาในปี พ.ศ.2514 หลังจากโจทก์รับมรดกที่ดินส่วนของโจทก์มาเป็นเวลานานถึง 16 ปีเศษ โจทก์ก็มิได้โต้แย้งคัดค้านหรืออ้างสิทธิใด ๆ ว่า โจทก์มีสิทธิใช้น้ำจากที่ดินของจำเลย คงใช้น้ำเรื่อยมา ก็แสดงว่าโจทก์ก็คงถือว่าเป็นที่ดินของน้องชาย เพราะจำเลยเองก็มิได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินที่รับมรดกมา เมื่อโจทก์ก็มิได้แสดงให้จำเลยทราบว่าจะถือเอาคลองซอยหรือคูน้ำพิพาทเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์แม้โจทก์จะใช้น้ำในที่ดินของจำเลยมานานเท่าใด โจทก์ก็ไม่ได้ภาระจำยอมในคลองซอยหรือคูน้ำพิพาทเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยและจำเลยร่วมฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง