แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยล้วนแต่เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า การจดทะเบียนที่ดินแปลงพิพาทได้กระทำโดยไม่สุจริต จึงถือว่าเป็นการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงว่าทราบคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยแล้ว (อันดับ 124)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ 230/2 ถนนราชวิถี ตำบลคลองกระแซงอำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี กับชดใช้ค่าเสียหาย ให้โจทก์เป็นเงิน 33,000 บาท (สามหมื่นสามพันบาทถ้วน) และ ค่าเสียหายอีกเดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (14 พฤศจิกายน 2531)เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปส่วนที่โจทก์มีคำขอว่า หากจำเลยขัดขืนขอให้ออกหมายจับจำเลยและบริวารมาขังไว้จนกว่าจำเลยจะยอมออกไป เนื่องจากมีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527 บัญญัติถึงวิธีการขับไล่จำเลยไว้แล้วคำขอส่วนนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 106)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 111)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการซื้อขายบ้านพิพาทโดยการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยฎีกาว่า การจดทะเบียนไม่สุจริต ศาลอุทธรณ์ฟังเช่นนั้นไม่ชอบ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คืนค่าคำร้อง 160 บาทส่วนที่เกินมาให้จำเลย